เปิดความเห็นผู้เชี่ยวชาญสาเหตุโศกนาฏกรรมเยติแอร์ไลน์สที่เนปาล

16 ม.ค. 2566 - 10:19

  • คาดว่าการสอบสวนสาเหตุการตกอย่างละเอียดจะแล้วเสร็จภายใน 45 วัน

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินเผยความเป็นไปได้ที่ทำให้เครื่องบินตก

aviation-experts-theory-behind-deadly-nepal-plane-crash-SPACEBAR-Thumbnail
คลิปวิดีโอช่วงสุดท้ายก่อนที่สายการบินเยติแอร์ไลน์ส (Yeti Airlines) จะตกจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 รายกลายเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปีของเนปาล เผยให้เห็นเครื่องบินบินต่ำลงมาเรื่อยๆ มุ่งหน้ามายังสนามบินในเมืองโปคารา 

ก่อนที่ผลการสอบสวนจะได้ข้อสรุปซึ่งคาดว่าจะแล้วสร็จภายใน 45 วันจะออกมา บรรดาผู้เชี่ยวชาญพากันตั้งทฤษฎีสาเหตุการตกของเครื่องบินจากคลิปดังกล่าวไว้หลายคน 

นีล แฮนส์ฟอร์ด ที่ปรึกษาด้านการบินจาก Strategic Aviation Solutions เผยกับ ABC News ว่า “ผมคิดว่าเครื่องบินลำนี้ดิ่งลงเพราะสูญเสียแรงยก (stall) นักบินบินต่ำเกินไป และเมื่อคุณเอียงไปทางซ้ายคุณจะสูญเสียลมยกแล้วร่วงลงมาเหมือนก้อนหิน เมื่อคุณสูญเสียแรงยกขณะที่ระดับความสูงและความเร็วต่ำ โดยทั่วไปแล้วจะมีผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว 

แฮนส์ฟอร์ดบอกว่า เครื่องบินน่าจะเตือนนักบินว่าเครื่องสูญเสียแรงยก และตัวเขาเชื่อว่าการตกครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ “เมื่อคุณบินด้วยความเร็วต่ำ คุณไม่ควรหันเลี้ยวแบบเอียงมากๆ” 

เช่นเดียวกับ รอน บาร์ตช์ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินที่เผยกับ 9News ว่า ดูเหมือนเครื่องบิน ATR 72 ของสายการบินเยติ แอร์ไลน์ส จะสูญเสียแรงยกกลางอากาศขณะกำลังลดเพดานบินเพื่อลงจอดที่สนามบินในเมืองโปคาราซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 822 เมตร 

บาร์ตช์เผยอีกว่า อากาศที่เบาบางที่อยู่รอบๆ สนามบินที่ตั้งอยู่บนที่สูงของเนปาลและการคำนวณความเร็วผิดพลาดน่าจะเป็นสาเหตุการตกของเครื่องบินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) 

บาร์ตช์เผยต่อว่า เครื่องบินจำเป็นต้องบินเร็วขึ้นผ่านอากาศที่เบาบางที่ระดับความสูงที่สูงขึ้นเพื่อให้ลอยอยู่ในอากาศได้ ทำให้การลงจอดในเนปาลเป็นเรื่องยากมาก “สนามบินนี้ท้าทายมากๆ หนึ่งในสนามบินที่ท้าทายมากที่สุดในโลก” และว่า นักบินอาจพยายามลดความเร็วมากเกินไปตอนที่กำลังเตรียมลงจอด และการทำอย่างนั้นขณะที่อากาศเบาบางล้อมรอบสนามบินอาจทำให้เครื่องยนต์สูญเสียแรงยก 

“ภูมิประเทศแบบนั้นบินยากมาก ลมแรงและอยู่สูง โดยปกติแล้วเครื่องบินจะไม่ตกจากท้องฟ้า โดยเฉพาะเครื่องบินสมัยใหม่ เครื่องบินต้องการอากาศในการบิน และอากาศจะเบาบาง ณ ระดับความสูงกว่า 800 เมตรที่นั่น ความทั้งข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อคุณบินอยู่บนพื้นดิน อาจดูเหมือนว่าคุณกำลังเดินทางบนพื้นดินเร็วกว่าที่คุณเดินทางบนอากาศมาก ผมคิดว่าเครื่องบินสูญเสียแรงยก นั่นคือสาเหตุ” 

นอกจากนี้ บาร์ตช์ยังเผยว่า เป็นไปได้ว่าความผิดพลาดของนักบินมีส่วนทำให้เครื่องบินตก ซึ่งการสอบสวนจะต้องวิเคราะห์ว่า "มีการฝึกที่เหมาะสม" หรือไม่ 

ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งที่ไม่ต้องการเผยชื่อและเคยเกี่ยวข้องกับการสอบสวนอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องบินหลายครั้งเผยกับ PTI ว่า แม้ว่าปัจจัยที่แน่นอนสำหรับการตกจะทราบได้หลังจากเสร็จสิ้นการสืบสวนโดยละเอียดแล้ว ในเบื้องต้น เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการจัดการผิดพลาดของนักบินหรือระบบมุมปะทะของเครื่องบินทำงานผิดปกติ 

ด้านนักบินอาวุโสรายหนึ่งที่ไม่ต้องการเผยชื่อของสายการบินชั้นนำในอินเดียเผยกับ PTI ว่า การปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญมากขณะทำการบินในภูมิประเทศอย่างในเนปาล นักบินรายนี้ซึ่งทำการบินในเส้นทางเนปาลด้วยเผยว่า หลายปัจจัย รวมทั้งความเหนื่อยล้าของนักบิน อาจนำมาสู่การตกได้ 

นักบินรายนี้เผยอีกว่า ขณะบินมีการตัดสินใจในทุกๆ ขั้นตอนและนักบินต้องได้รับการพักผ่อนอย่างดี ดังนั้นอาจมีความเหนื่อยล้าของนักบินและมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ  

บริษัทผลิตเครื่องบินพาณิชย์ ATR ระบุว่า เครื่องบินของสายการบินเยติ แอร์ไลน์ส ที่ตกเมื่อวันอาทิตย์เป็นเครื่องรุ่น ATR 72-500 และจากข้อมูลของเว็บไซต์ติดตามเส้นทางการบิน flightradar24.com พบว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีอายุ 15 ปี และ “ติดตั้งเครื่องรับส่งสัญญาณเก่าที่มีข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ” 

ส่วนข้อมูลจาก Airfleets.net ระบุว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวนี้เคยใช้ในสายการบินคิงฟิชเชอร์ แอร์ไลน์ส (Kingfisher Airlines) ของอินเดีย และสายการบินนกแอร์ (Nok Air) ของไทย ก่อนที่สายการบินเยติจะเข้ารบช่วงต่อเมื่อปี 2019 นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 1989 เครื่องบินรุ่น ATR-72 เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุร้ายแรง 12 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวมราว 400 ราย 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์