‘TikTok’ ใหญ่จัดจนต้องแยก ลบภาพภัยความมั่นคงสหรัฐฯ - ชาติตะวันตก

17 มีนาคม 2566 - 07:23

biden-administration-demanding-tiktok-owner-bytedance-sell-app-SPACEBAR-Thumbnail
  • TikTok ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ แนะนำให้แยกกิจการจากไบต์แดนซ์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แอปฯ ถูกแบนทั่วประเทศ

  • TikTok อ้างว่ามีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคน รวมถึงกว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ กลายเป็นขุมพลังทางด้านวัฒนธรรม

  • ซีอีโอ TikTok จะปรากฏตัวต่อสภาคองเกรสวันที่ 23 มี.ค.นี้ เพื่อชี้แจงและหารือเกี่ยวกับข้อเสนอให้มีการสั่งห้ามใช้ TikTok ทั่วประเทศ

ความหวาดระแวงของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อรัฐบาลจีนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด ผู้ที่ตกเป็นเป้าบรรเทาความหวาดระแวงนี้คือ ‘TikTok’ แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมที่กำลังดังเป็นพลุแตกในตอนนี้  ล่าสุด TikTok ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ แนะนำให้แยกกิจการจากไบต์แดนซ์ (ByteDance) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แอปฯ ถูกแบนทั่วประเทศในสหรัฐฯ 

เรื่องนี้โฆษกของ TikTok ไม่เห็นด้วยโดยกล่าวว่า แนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลสหรัฐฯ คือ การทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส การปกป้องข้อมูลของผู้ใช้แอปฯ ในสหรัฐฯ ด้วยการตรวจสอบอย่างเข้มข้นโดยบุคคลที่ 3 ซึ่งที่ผ่านมา TikTok ยืนยันมาตลอดว่า ไม่ได้แบ่งปันข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จีน แถมยังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มานานกว่า 2 ปีเพื่อแก้ปัญหาความกังวลในเรื่องนี้ 

ตอนนี้ TikTok ถูกกดดันอย่างหนักจากมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐฯ ที่พยายามใช้นโยบายเข้มงวดกับ TikTok มากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่า ข้อมูลของผู้ใช้แอปฯ อาจจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือถูกล่วงละเมิดโดยเจ้าหน้าที่จีน 

TikTok อ้างว่ามีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคน รวมถึงกว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่ง TikTok กลายเป็นขุมพลังทางด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวัยหนุ่มสาว และบรรดานักเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ที่มีความเห็นว่า การแบน TikTok ไม่ต่างกับการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และปิดกั้นการส่งออกวัฒนธรรมและค่านิยมอเมริกันไปยังผู้ใช้ TikTok อื่นๆ ทั่วโลก 
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4qLc0KDshsACAelvLxAvgt/b24c3cb1c235e66ce883c31293e9f205/Info-TikTok-______________________1_
ความเคลื่อนไหวเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากเว็บไซต์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ฝ่ายบริหารของ TikTok กำลังพิจารณาแยกกิจการออกจากบริษัทไบต์แดนซ์ เพื่อลดความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ 

ก่อนหน้านี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ เพิ่งลงมติผ่านร่างกฎหมายห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่และพนักงานของรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ใช้หรือติดตั้งแอปพลิเคชัน TikTok บนอุปกรณ์ของรัฐบาล 

การลงมติผ่านร่างกฏหมายของวุฒิสภาสหรัฐฯ มีขึ้นไม่นานหลังจากคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นชอบให้อำนาจประธานาธิบดีโจ ไบเดน แบน TikTok ได้ และหากมีการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถือเป็นมาตรการจำกัดโซเชียลมีเดียในระดับรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐฯ 

ตอนนี้ทางการสหรัฐฯ ในหลายรัฐ รวมถึงแมริแลนด์ ออกมาตรการห้ามใช้ TikTok ผ่านเครือข่ายและอุปกรณ์ของรัฐ ส่งผลให้ไม่สามารถใช้งาน TikTok ได้จากระบบของห้องสมุดสาธารณะ มหาวิทยาลัย และสถานที่อื่นๆ 

ขณะที่ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ TikTok มีกำหนดปรากฏตัวต่อสภาคองเกรสในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เพื่อชี้แจงและหารือเกี่ยวกับข้อเสนอให้มีการสั่งห้ามใช้ TikTok ทั่วประเทศ 

แต่ถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านจากทางการ ในส่วนของคนอายุต่ำกว่า 25 ปี กลับไม่ต่อต้านTikTok ในทางตรงกันข้ามกลับนิยมใช้แอปฯ ที่ว่าไม่แผ่วเลย 

ผลสำรวจของบริษัทมอร์นิง คอนซัลท์ เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า 53% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเห็นด้วยกับการออกมาตรการห้ามใช้แอปพลิเคชันของจีนทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ที่มีผู้สนับสนุนแค่ 29% 

แต่ จอร์แดน มาร์แลตต์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจากมอร์นิง คอนซัลท์บอกว่า ชาวอเมริกันอายุ 18-25 ปี มีความกังวลเรื่องการแข่งขันกับจีนน้อยกว่าคนวัยผู้ใหญ่ และมีความไม่ไว้ใจรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่า ทั้งยังมีทัศนคติเชิงบวกต่อโซเชียลมีเดียมากกว่า 

ผลสำรวจเดียวกันนี้ยังพบว่า มีคนวัยหนุ่มสาวไม่ถึง 1 ใน 3 ที่สนับสนุนการห้ามใช้แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียของจีน 

ในส่วนของอังกฤษ ก็เตรียมประกาศห้ามใช้ TikTok ผ่านโทรศัพท์มือถือราชการ เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยด้วยเหมือนกัน โดยศูนย์ความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของอังกฤษ กำลังพิจารณาว่า TikTok ควรถูกระงับในโทรศัพท์มือถือราชการหรือไม่ ขณะที่สหรัฐฯ แคนาดา เบลเยียม และคณะกรรมาธิการยุโรปห้ามใช้แอปฯ TikTok ไปแล้ว 

ทอม ทูเกนทัท รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอังกฤษ กล่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า การทำความเข้าใจกับความท้าทายที่เกิดจากแอปฯ TikTok เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

เมื่อวันที่ 1 มี.ค.รัฐสภายุโรปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ลบแอปพลิเคชัน TikTok บนอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานเนื่องจากกังวลเรื่องการปกป้องข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับหน่วยงานอื่นๆ ของอียูที่ประกาศมาตรการลักษณะเดียวกันนี้ 

โรเบอร์ตา เมตโซลา ประธานรัฐสภายุโรปชาวมอลตาและ อเลสซานโดร ชิออกเช็ตติ เลขาธิการรัฐสภายุโรปชาวอิตาเลียน ตัดสินใจว่าจะต้องไม่มีการใช้งานหรือติดตั้ง TikTok บนอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์แทบเล็ต หรือ คอมพิวเตอร์แลปท็อป ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.เป็นต้นไป 

นอกจากนั้น การเข้าถึงแอพ TikTok ผ่านทางระบบเครือข่ายของรัฐสภายุโรปจะถูกปิดกั้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งฝ่ายสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมของรัฐสภายุโรปได้ทำหนังสือแจ้งเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ประมาณ 8,000 คน ได้รับทราบแล้ว 

เท่านั้นยังไม่พอ รัฐสภายุโรปยังแนะนำให้สมาชิกรัฐสภายุโรปและเจ้าหน้าที่ถอนการติดตั้งแอพ TikTok จากอุปกรณ์ส่วนตัวของแต่ละคนด้วย 

ทั้งหมดนี้คือความพยายามที่จะสกัดกั้นการเข้าถึงข้อมูลด้านต่างๆ ทั้งที่เป็นข้อมูลละเอียดอ่อน และข้อมูลทั่วไป ของผู้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลชาติพันธมิตรตะวันตกเชื่อว่าเป็นรัฐบาลจีน 

มาดูกันว่า TikTok ต้องแยกตัวจากไบต์แดนซ์ ตามแรงกดดันของสหรัฐฯ หรือไม่ และอนาคตทางธุรกิจของแอปฯ แชร์วิดีโอสั้นชื่อดังของจีนแห่งนี้จะเป็นอย่างไร

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์