อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จูเนียร์ ได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) ว่าเป็น ‘มะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง’ ที่ลุกลามไปถึงกระดูกแล้ว
แถลงการณ์ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (18 พ.ค.) ว่า “การวินิจฉัยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไบเดนมีอาการผิดปกติตรงทางเดินปัสสาวะ ซึ่งนำไปสู่การตรวจพบ ‘ก้อนเนื้อขนาดเล็ก’ ที่ต่อมลูกหมาก โดยระบบการให้คะแนน ‘Gleason’ (วัดความผิดปกติของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก) อยู่ที่ระดับ 9 และแพร่กระจายไปที่กระดูก”
คะแนน Gleason ใช้เพื่ออธิบายว่ามะเร็งต่อมลูกหมากมีลักษณะอย่างไรเมื่อดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ โดยระดับคะแนน 9 และ 10 ถือเป็นระดับรุนแรงที่สุด มะเร็งชนิดนี้อยู่ในระยะที่ 4 ซึ่งหมายความว่า ‘ได้แพร่กระจายไปแล้ว’
“แม้ว่านี่จะหมายถึงโรคชนิดรุนแรงกว่า แต่ดูเหมือนว่ามะเร็งจะไวต่อฮอร์โมน ซึ่งทำให้สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ...ประธานาธิบดีและครอบครัวของเขากำลังพิจารณาทางเลือกการรักษากับแพทย์” แถลงการณ์จากสำนักงานของไบเดน ระบุ
ไบเดน วัย 82 ปี ออกจากตำแหน่งผู้นำในเดือนมกราคมในฐานะประธานาธิบดีที่อายุเยอะที่สุดขณะดำรงตำแหน่งในประวัติศาสตร์อเมริกา ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไบเดนต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับอายุและสุขภาพของเขา ซึ่งส่งผลให้เขาต้องยุติการเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีภายใต้แรงกดดันจากพรรคของเขาเอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งต่อมลูกหมากกล่าวว่าการวินิจฉัยของไบเดนเป็นเรื่องร้ายแรง และเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูกแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่มะเร็งมักจะแพร่กระจายไป ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ ดร.จัดด์ มูล ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งต่อมลูกหมากจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวว่า “ผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแพร่กระจาย ‘สามารถมีชีวิตอยู่ได้ 5, 7, 10 ปี หรือมากกว่านั้น’”
แนวทางแรกในการรักษาคือ ‘การตัดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน’ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ดร.มูลเผยว่า เมื่อสมัยที่เขาเป็นแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะในช่วงทศวรรษ 1980 เขารักษาโดยการตัดอัณฑะผู้ป่วยออก แต่ปัจจุบันมีทางเลือกเป็นยาฉีด หรือยารับประทานที่ช่วยยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเหล่านี้ รวมถึงยาที่บล็อกฮอร์โมนที่อาจยังถูกสร้างขึ้นได้แม้ใช้ยาแล้วก็ตาม
ดร.มูลกล่าวว่าเขาพบชายในวัยเดียวกันกับไบเดนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในลักษณะเดียวกันเป็นประจำ “อัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป ก็โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “เมลาเนียและผมเสียใจที่ทราบเรื่องการวินิจฉัยทางการแพทย์ของโจ ไบเดนเมื่อเร็วๆ นี้ เราขอส่งความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้งถึงจิลล์และครอบครัว และขอให้โจฟื้นตัวโดยเร็ว”
ขณะเดียวกัน อดีตรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเคยร่วมงานกับไบเดน ก็โพสต์ว่า “โจเป็นนักสู้ และฉันรู้ว่าเขาจะเผชิญกับความท้าทายนี้ด้วยความเข้มแข็ง...เรามีความหวังว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว”
นับตั้งแต่ไบเดนลงจากตำแหน่ง ไบเดนก็ไม่ค่อยเปิดเผยตัวมากนัก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในรัฐเดลาแวร์และเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่เพื่อวางแผนชีวิตหลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี
(Photo by ROBERTO SCHMIDT / AFP)