‘ฮุน เซน’ แห่งกัมพูชา ผู้นำอำนาจนิยมที่โดดเด่นในอาเซียน

17 ก.พ. 2566 - 05:53

  • ฮุน เซน สั่งปิดสำนักข่าววอยซ์ ออฟ เดโมแครซี (VOD) หนึ่งในองค์กรสื่ออิสระที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งในประเทศเมื่อคืนวันอาทิตย์ (12 ก.พ.)

  • หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลี ก็ถูกสั่งปิดในปลายปี 2017 หลังจากรัฐบาลให้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อจ่ายภาษีย้อนหลัง

  • ประธานประเทศ สปป.ลาว ประดับเหรียญโพธิ์ชัยล้านช้างให้แก่ฮุน เซน ที่เข้าพบและหารือ

  • ฮุน เซน เยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อแสวงหาการสนับสนุนทางการเงินจากจีนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาประเทศ

cambodia_earns_place_on_watchlist_of_repressive_states_civicus_SPACEBAR_Thumbnail_e2701431a2.jpeg
รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะผู้นำในระบอบอำนาจนิยมอีกครั้ง หลังเพิกถอนใบอนุญาตสื่ออิสระแห่งหนึ่ง ฐานนำเสนอรายงานที่สร้างความเสื่อมเสียแก่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน และลูกชาย 

นายกรัฐมนตรีฮุน เซนมีคำสั่งปิดสำนักข่าววอยซ์ ออฟ เดโมแครซี (VOD) หนึ่งในองค์กรสื่ออิสระที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งในประเทศเมื่อคืนวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) โดยระบุในเฟซบุ๊กทางการว่า VOD จะไม่มีอนุญาตประกอบกิจการตีพิมพ์หรือกระจายเสียงตั้งแต่ 10.00 น. ของวันที่ 13 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมทั้งสั่งให้ตำรวจพนมเปญเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้ยึดสำนักงาน และบอกให้ผู้บริจาคต่างชาติถอนเงินสนับสนุน และให้พนักงานหางานใหม่ทำ 

นายกฯ ฮุน เซน กล่าวหาว่า VOD นำเสนอ ประเด็นโจมตีเขา และ ฮุน มาเนต ลูกชาย สร้างความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของรัฐบาลกัมพูชา จึงสั่งให้กระทรวงข่าวสารเพิกถอนใบอนุญาตของ VOD 

เมื่อวันพุธ (8 ก.พ.) VOD รายงานว่า พล.ท. ฮุน มาเนต ลงนามในข้อตกลงจัดสรรความช่วยเหลือของรัฐบาลแก่ตุรกีที่ประสบแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้ ฟิล โรเบิร์ตสัน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นว่า ผู้นำกัมพูชาพยายามกวาดล้างนักวิจารณ์อิสระเพื่อปูทางให้พล.ท. ฮุน มาเนต เป็นผู้นำรัฐบาลในอนาคต 

แต่ VOD ไม่ใช่องค์กรสื่อแห่งแรกที่ถูกสั่งปิด ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลี ถูกปิดในปลายปี 2017 หลังจากรัฐบาลให้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อจ่ายภาษีย้อนหลัง และคำสั่งปิดมีขึ้นเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปี 2018 ขณะที่การปิด VOD มีขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะจัดขึ้นในเดือน ก.ค. 

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน หนึ่งในผู้นำที่ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดในโลก มักกล่าวชื่นชมความสำเร็จของลูกๆ ว่าเป็นผลจากการศึกษาไม่ใช่การใช้เส้นสาย มาดูกันว่าใช่อย่างที่ผู้นำกัมพูชาพูดหรือไม่ 

ฮุน มาเนต เป็นบุตรคนที่สองแต่เป็นบุตรชายคนโตวัย 44 ปีของฮุน เซนกับนางบุนรานี เกิดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 1977 ที่จังหวัดกำปงจาม มีพี่น้องอีก 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน เขาจบการศึกษาจากวิทยาลัยกองทัพบกสหรัฐอเมริกาที่เมืองเวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อปี 1999 จากนั้นเข้าศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์จนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ เมื่อสำเร็จการศึกษาและเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็เข้ารับราชการทหารกองทัพกัมพูชา ติดยศร้อยตรี สังกัดกองพลน้อยที่ 70
cambodia_earns_place_on_watchlist_of_repressive_states_civicus_SPACEBAR_Photo01_c6eb0210a9.jpeg
ฮุน มาเนต (Photo: Franck ROBICHON / POOL / AFP)
จากนั้นได้รับการประดับยศพลจัตวา เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2009 และเลื่อนเป็นพลตรี ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งมีหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย และตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2011  ต่อมาในปี 2019 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกราชอาณาจักรกัมพูชา และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ส่วนสถานภาพการสมรส ฮุน มาเน็ตแต่งงานกับภรรยาชื่อ เพชร จันมุนี 

เรื่องการตั้งลูกชายให้มีตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ รวมทั้งการวางตัวลูกชายคนนี้ให้เป็นทายาทการเมือง นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น ฮุน เซน เคยกล่าวปกป้องลูกชายว่า ในประเทศญี่ปุ่นก็มีตระกูลการเมือง เช่น ตระกูล “อาเบะ” ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งการสนับสนุนบุตรชายให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของกัมพูชา ไม่ได้แปลว่าเขากำลังสร้างตระกูลการเมืองขึ้นมาในกัมพูชา เพราะหากฮุน มาเนต จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ต้องมาทางกระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย 

แม้การกระทำของฮุน เซนในด้านการบริหารประเทศ ไม่ใช่วิถีของระบอบประชาธิปไตย แต่กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว ฮุน เซน ยังคงเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรบ โดยเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว เป็นตัวแทนรัฐบาลและพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ประดับเหรียญโพธิ์ไซล้านช้างให้แก่ฮุน เซน ที่เข้าพบและหารือ 

เหรียญโพไซล้านช้างเป็นเหรียญสดุดีขั้นสูงที่รัฐบาลลาวมอบให้แก่ผู้นำของต่างประเทศที่มีคุณงามความดี มีผลงานดีเด่น มีส่วนร่วมเสริมสร้าง ปกปักรักษาสายสัมพันธ์มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีงามกับลาว หลังจาก สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาวได้จัดพิธีต้อนรับฮุน เซน ที่เดินทางมาเยือนลาวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยถือเป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศเพื่อนบ้านคนที่ 2 ที่ได้เดินทางไปยังลาว หลังจากสอนไซขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2022 

ฮุน เซน เยือนลาวระหว่างวันที่ 13-14 ก.พ. ได้ร่วมลงนามในเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่  
  1. สนธิสัญญาว่าด้วยการกำหนดชายแดนระหว่างลาวและกัมพูชา ซึ่งสามารถปักปันเขตแดนสำเร็จแล้ว 86% ถือเป็นเอกสารสำคัญ และเป็นพื้นฐานให้แก่การแก้ไขปัญหาเส้นแบ่งเขตแดนที่ยังเหลืออยู่ บนพื้นฐานมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศ 
  2. แผนปฏิบัติงานร่วม (Action Plan) ระหว่างลาวและกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2023-2027 ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขที่เป็นพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ ความร่วมมือของสองประเทศที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพิ่มทวีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือกันทั้งในระดับภูมิภาค และระดับสากล 
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีลาวและกัมพูชา ยังเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบทบันทึกการประชุมของคณะกรรมการชายแดนร่วม ลาว-กัมพูชา และกัมพูชา-ลาวด้วย 

การเยือนลาวของฮุน เซน มีขึ้นหลังจากเขาเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อแสวงหาการสนับสนุนทางการเงินจากจีนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาประเทศ ที่รวมถึงโครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกของกัมพูชา 

การเยือนกรุงปักกิ่ง 3 วันของฮุน เซน ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะคลายความวิตกกังวลของจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นของกัมพูชากับสหรัฐฯ และญี่ปุ่นด้วย 

กัมพูชากำลังหาทางยกระดับเส้นทางรถไฟ 2 สายของตัวเองให้สามารถรองรับรถไฟความเร็วสูง เชื่อมกรุงพนมเปญ เมืองหลวง กับเมืองสีหนุวิลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ และพรมแดนติดกับไทย 

แอสทริด นอร์เรน-นีลส์สัน ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยลุนด์ สวีเดน มีความเห็นว่า ความสำเร็จของทางด่วนสีหนุวิลล์-พนมเปญ ที่เปิดให้สัญจรในเดือน ต.ค. สะท้อนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์และความนิยมของรัฐบาลกัมพูชา 

การเยือนจีนของฮุน เซนครั้งนี้ เกิดขึ้นในวาระครบรอบ 3 ปี ของการเยือนจีนครั้งล่าสุดของเขา ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเริ่มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 

ด้าน บุนนา วัน กล่าวว่า ฮุน เซน มีแนวโน้มที่จะขอการรับประกันทางการเมืองจากจีนหากประเทศตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ  และประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) คว่ำบาตรรัฐบาลกัมพูชา เพราะปัญหาการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและนักเคลื่อนไห

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์