บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft คือนักธุรกิจของสหรัฐฯ รายล่าสุดที่ตบเท้าเยือนจีนในช่วงเร็วๆ นี้ ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 แหล่งว่า เกตส์มีแผนจะเข้าพบประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนในวันศุกร์นี้ (16 มิถุนายน) โดยทั้งคู่เคยพบกันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 และเมื่อปี 2020 สีจิ้นผิงเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณเกตส์และมูลนิธิบิลล์แอนด์เมลินดา เกตส์ ที่รับปากว่าจะบริจาคเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้จีนใช้ต่อสู้กับโควิด-19
เกตส์ทวีตว่า “ผมเพิ่งเดินทางถึงจีนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 ผมตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับหุ้นส่วนซึ่งทำงานด้านสาธารณสุขและการพัฒนากับมูลนิธิเกตส์มากว่า 15 ปี”
นอกจากเกตส์แล้วยังมีเจ้าพ่อเทคอย่าง อีลอน มัสก์ ที่เพิ่งเดือนทางเยือนจีน 3 วันโดยไปตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตรถยนต์เทสลาและเข้าพบกับ ฉิน กัง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน รวมถึง เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan Chase, แพท เกลซิงเงอร์ ซีอีโอ Intel, ลักษมัน นรสิมัน ซีอีโอ Starbucks และ โฮเวิร์ด ชอลตซ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกิติคุณของ Starbucks
การตบเท้าเยือนจีนครั้งนี้ของบรรดาผู้บริหารชาวอเมริกันเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และจีนในหลายประเด็น รวมทั้งสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งยังเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของจีนต่อบรรดาบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทสัญชาติตะวันตกต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจโดยการกระจายซัพพลายเชนนอกเหนือจากจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลว่าไต้หวันอาจถูกจีนรุกรานและความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
การเยือนครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับการไล่ปราบปรามบริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศที่ทำให้บรรดาบริษัทต่างชาติตื่นตัว เมื่อเร็วๆ นี้ทางการจีนบุกสำนักงานของบริษัทที่ปรึกษา Capvision ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเซี่ยงไฮ้และนิวยอร์ก และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่จีนยังปิดสำนักงานในกรุงปักกิ่งของบริษัท Mintz Group สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลจีนในการกำกับดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ทำให้ภาคธุรกิจต่างชาติตั้งคำถามกันว่า “ใครจะเป็นรายต่อไป”
สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 แหล่งว่า เกตส์มีแผนจะเข้าพบประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนในวันศุกร์นี้ (16 มิถุนายน) โดยทั้งคู่เคยพบกันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 และเมื่อปี 2020 สีจิ้นผิงเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณเกตส์และมูลนิธิบิลล์แอนด์เมลินดา เกตส์ ที่รับปากว่าจะบริจาคเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้จีนใช้ต่อสู้กับโควิด-19
เกตส์ทวีตว่า “ผมเพิ่งเดินทางถึงจีนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 ผมตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับหุ้นส่วนซึ่งทำงานด้านสาธารณสุขและการพัฒนากับมูลนิธิเกตส์มากว่า 15 ปี”
นอกจากเกตส์แล้วยังมีเจ้าพ่อเทคอย่าง อีลอน มัสก์ ที่เพิ่งเดือนทางเยือนจีน 3 วันโดยไปตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตรถยนต์เทสลาและเข้าพบกับ ฉิน กัง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน รวมถึง เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan Chase, แพท เกลซิงเงอร์ ซีอีโอ Intel, ลักษมัน นรสิมัน ซีอีโอ Starbucks และ โฮเวิร์ด ชอลตซ์ ผู้ก่อตั้งและประธานกิติคุณของ Starbucks
การตบเท้าเยือนจีนครั้งนี้ของบรรดาผู้บริหารชาวอเมริกันเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และจีนในหลายประเด็น รวมทั้งสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งยังเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของจีนต่อบรรดาบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทสัญชาติตะวันตกต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจโดยการกระจายซัพพลายเชนนอกเหนือจากจีน ซึ่งขับเคลื่อนโดยหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลว่าไต้หวันอาจถูกจีนรุกรานและความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
การเยือนครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับการไล่ปราบปรามบริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศที่ทำให้บรรดาบริษัทต่างชาติตื่นตัว เมื่อเร็วๆ นี้ทางการจีนบุกสำนักงานของบริษัทที่ปรึกษา Capvision ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเซี่ยงไฮ้และนิวยอร์ก และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่จีนยังปิดสำนักงานในกรุงปักกิ่งของบริษัท Mintz Group สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลจีนในการกำกับดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ทำให้ภาคธุรกิจต่างชาติตั้งคำถามกันว่า “ใครจะเป็นรายต่อไป”