หรือจีนจะเลิกเป็นกลางแล้วถึงได้เยือนรัสเซีย

24 กุมภาพันธ์ 2566 - 06:28

china-claim-to-neutrality-fades-with-moscow-visit-SPACEBAR-Thumbnail
  • หวังอี้ นักการทูตระดับสูงของจีนเพิ่งจะเดินทางเยือนรัสเซีย

  • จากนั้นปูตินประกาศว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะเยือนรัสเซียเร็วๆ นี้

นักการทูตระดับสูงของจีนเดินทางเยือนยุโรปเพื่อพยายามอธิบายจุดยืน ‘ความเป็นกลาง’ ของจีนในความขัดแย้ง แต่กลับปิดท้ายการทัวร์ครั้งนี้ด้วยการเยือนรัสเซีย 

หวังอี้ ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักงานกิจการต่างประเทศกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีภารกิจเดินทางเยือนยุโรปเพื่อเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันที่ 18 ซึ่งเขาได้พบปะกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ด้วย 

และหวังอี้ปิดท้ายทริปยุโรปด้วยการเดินทางไปเยือนรัสเซีย นับเป็นการเยือนครั้งแรกของนักการทูตระดับสูงของจีนนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน  

เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาแล้ว ประเด็นเรื่องยูเครนถือเป็นวาระสำคัญที่สุดระหว่างการเดินทางของหวังอี้ในฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี ฮังการี และรัสเซียตั้งแต่วันที่ 14-22 กุมภาพันธ์ 

สำหรับจีน ทริปของหวังอี้คือความพยายามในการควบคุมความเสียหาย ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับยุโรปสั่นคลอนมาหลายปีจากกรณีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่การที่ปักกิ่งปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังชาติยุโรป 

แม้ว่าจีนจะวิพากษ์วิจารณ์ประเทศอื่นหลายครั้งว่า ‘ป้ายสี’ จุดยืนของจีนเกี่ยวกับสิ่งที่จีนเรียกว่า ‘วิกฤตยูเครน’ แต่จีนก็ไม่ได้พยายามโน้มน้าวชาติยุโรปว่า การรับรู้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ ‘ความเป็นกลางที่สนุบสนุนรัสเซีย’ ของจีนนั้นคือความเข้าใจผิด  

อย่างที่ ไมเคิล คลาร์ก วิเคราะห์การเยือนยุโรปของหวังอี้ไว้ว่า แนวทางของจีน “ถูกจำกัดด้วยปัจจัยสำคัญสองประการคือ การประเมินความพยายามของยุโรปที่จะอยู่ให้ห่างจากการแข่งขันกันระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ซับซ้อนขึ้นสูงเกินไป และการประเมินผลกระทบของการรุกรานยูเครนของรัสเซียต่อท่าทีและการรับรู้เกี่ยวกับความมั่นคงของยุโรปต่ำเกินไป” 

ทุกๆ การหยุดแวะในยุโรป หวังอี้จะได้รับการบอกกล่าวจากฝั่งยุโรปว่า จีนต้องใช้อิทธิพลที่เหนือกว่าของตัวเองต่อรัสเซียผลักดันให้เกิดสันติภาพในยูเครน ซึ่งหวั่งอี้พยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประเทศเหล่านั้นว่าจีน ‘มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ’  

หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีที่บอกว่า เขาได้รับการบอกกล่าวว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนมีแผนที่จะ ‘กล่าวสุนทรพจน์สันติภาพในวันครบรอบการรุกรานยูเครน’ 

แต่สำหรับคนที่คาดหวังให้จีนทำอะไรมากกว่านี้ ต้องไม่ลืมว่าภายใต้กรอบการทำงานของหวังอี้ จีนทำอะไรๆ ไปมากแล้ว ในการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก หวังอี้เผยว่า ที่ผ่านมาจีนผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพ “ตั้งแต่วันที่ 2 ที่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น” 

หวังอี้อ้างว่า “รัสเซียและยูเครนจัดการเจรจาสันติภาพหลายครั้งแล้วและมีความก้าวหน้าที่สำคัญ อันที่จริงแล้วมีการนำเสนอและพูดคุยเกี่ยวกับกรอบการทำงานสำหรับข้อตกลงสันติภาพแล้ว” แต่ก็ล่มไปเสียก่อน หวังอี้อธิบายต่อด้วยถ้อยคำคลุมเครือว่า “คนบางคนไม่ต้องการให้การเจรจาสันติภาพสำเร็จ หรือให้การสู้รบสิ้นสุดลง” 

หวังอี้ ‘เน้นย้ำว่าความขัดแย้งนี้ไม่ควรดำเนินต่อไปอีกแล้ว’ และรับปากว่าจีนจะเผยแพร่ ‘เอกสารจุดยืนเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางการเมืองของวิกฤตยูเครน’ เร็วๆ นี้ โดยเอกสารนโยบายจะย้ำหลักการหลายประการที่สำคัญต่อจีนว่า ‘อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศควรได้รับการเคารพ’ และ “ข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่ชอบด้วยกฎหมายของทุกประเทศควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง” 

แต่โชคร้ายสำหรับจีนที่สถานะเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นในสงครามยูเครน 

อย่างที่ ดิมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครนย้ำกับหวังอี้ระหว่างการพบปะนอกรอบของการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก ข้อตกลงสันติภาพของสงครามยูเครนจะต้องทำให้แน่ใจว่าการรุกรานของรัสเซียจะไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นดินแดนใหม่ 

“เรายอมรับว่าหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยบูรณภาพแห่งดินแดนนั้นจะล่วงละเมิดไม่ได้สำหรับทั้งสองรัฐของเรา” คูเลบากล่าวกับหวังอี้ “ผมขอย้ำว่าทุกการริเริ่มที่พุ่งเป้าเพื่อนำมาสันติกลับมาสู่ยูเครนจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับหลักนี้” 

อย่างไรก็ดี รัสเซียได้เคลื่อนไหวเพื่อผนวกดินแดนส่วนใหญ่ของยูเครนแล้ว โดยยืนยันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจำเป็นเพื่อความมั่นคงของรัสเซียเองและชนกลุ่มน้อยรัสเซียที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคดอนบัสและไครเมีย 

และตราบใดที่จีนยังสนับสนุน ‘ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงที่ชอบด้วยกฎหมายของรัสเซีย’ ก็จะไม่สามารถให้การสนับสนุนที่มีความหมายใดๆ ต่อ ‘อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน’ ของยูเครน 

เพื่อเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงจุดยืนดังกล่าว หวังได้ปิดฉากการทัวร์ยุโรปของเขาด้วยการเดินทางไปมอสโก ซึ่งเขาได้พบกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยในการพบกันนั้น หวังอี้แสดงความห็นว่าความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ‘ไม่สามารถถูกกดดันจากประเทศที่สามได้อย่างแน่นอน’ ซึ่งเป็นการปัดตกแนวคิดที่ว่าปักกิ่งจะยอมให้อียูหรือสหรัฐฯ บงการนโยบายเกี่ยวกับรัสเซียของจีน 

หวังอี้ยังบอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียว่า “ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะปลี่ยนไปอย่างไร จีนยังคงมุ่งมั่นร่วมกับรัสเซียในการพยายามรักษาแนวโน้มเชิงบวกในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ” 

ส่วนปูตินได้ยกย่อง ‘ขอบเขตใหม่’ ของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย และกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าในไม่ช้านี้สีจิ้นผิงจะเดินทางเยือนมอสโกด้วยตัวเอง โดยสีจิ้นผิงไม่ได้ไปเยือนรัสเซียเลยนับตั้งแต่การรุกรานยูเครน แม้ว่าจะได้พบปะกันนอกรอบแบบตัวต่อตัวกับปูตินระหว่างร่วมประชุมองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ที่อุซเบกิสถานเมื่อปีที่แล้ว 

หวังอี้ยังย้ำกับหัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียว่าจีน “พร้อมร่วมผนึกกำลังกับฝ่ายรัสเซีย...ยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อผลประโยชน์ของชาติและคุณธรรม” 

การรับปากของจีนนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเตือนในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังเตือนว่าจีนอาจเริ่มจัดหาความช่วยเหลือทางทหารให้รัสเซียโดยตรง  

การหารือกันเกี่ยวกับบอลลูนต้องสงสัยของจีนเป็นหัวข้อหลักในการพบกันระหว่างบลิงเคนกับหวังอี้ที่การประชุมที่มิวนิก แต่ความเห็นของบลิงเคนเกี่ยวกับยูเครนอาจมีความหมายในระยะยาว แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า บลิงเคน “เตือนเกี่ยวกับผลที่ตามมาหากจีนจัดหาการสนับสนุนด้านวัตถุให้รัสเซียหรือช่วยหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร” 

อย่างไรก็ตาม จีนจะยืนอยู่ทั้งสองข้างคือ ทั้งให้การสนับสนุนรัสเซีย ทั้งถอยห่างจากรัสเซียและสนับสนุนการหันไปเจรจาสันติภาพ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองอย่างไร  นี่คือการถ่วงดุลที่จีนต้องการจะทำ ตราบใดที่ประเทศยุโรป รวมทั้งยูเครน เชื่อว่ามีโอกาสที่จีนจะแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ประเทศเหล่าน็จะมีส่วนร่วมต่อไป 

ในขณะเดียวกัน ปักกิ่งยังคงพูดสนับสนุนรัสเซียได้ต่อไป ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเพียงพอที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่สำคัญไว้ได้ โดยที่จีนไม่ต้องเสียอะไรมาก 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์