ถึงคราวสีจิ้นผิงยกเครื่องรัฐบาลจีนปูทางรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในมือ

7 มี.ค. 2566 - 03:09

  • การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนเล็งผลักดับแผนปฏิรูปปูทางสีจิ้นผิงรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ

  • คาดว่าจะมีการเสนอชื่อคนใกล้ชิดสีจิ้นผิงอย่างหลี่เฉียงนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทนหลี่เค่อเฉียงที่หมดวาระลง

china-looks-at-reforms-to-deepen-xi-jinping-control-SPACEBAR-Thumbnail
การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนในปีนี้ มีประเด็นที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ จีนกำลังผลักดันแผนปฏิรูปรัฐบาลจีนและสถาบันต่างๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึงปรับโครงสร้างองค์กรที่บริหารจัดการภาคการเงินและเทคโนโลยี และความมั่นคงของรัฐ เพื่อให้พรรคและสีจิ้นผิงมีอำนาจมากขึ้น  

สีจิ้นผิงคือผู้นำจีนที่มีอำนาจมากที่สุดนับตั้งแต่สมัยท่านประธานเหมาเจ๋อตง หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์แต่งตั้งให้สีดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคและประธานคณะกรรมาธิการทหารศูนย์กลางพรรคเป็นสมัยที่ 3 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากลงมติยกเลิกข้อจำกัดการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 สมัยไปเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นการปูทางให้สีจิ้นผิงเป็นผู้นำจีนตลอดชีวิต 

ส่วนตำแหน่งที่สีจิ้นผิงไม่ได้นั่งเก้าอี้ยังคงจำกัดไว้ที่ 2 สมัยเช่นเดิม อาทิ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่บริหารเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสงของโลก ซึ่งในทางทฤษฎีมีอำนาจเป็นรองเพียงสีจิ้นผิงเท่านั้น  

การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนในปีนี้เป็นการดำรงตำแหน่งสมัยสุดท้ายของนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง โดยในวันแรกของการประชุมหลี่เค่อเฉียงรับหน้าที่แถลงผลงานและนโยบายต่างๆ และในวันสุดท้ายจะมีการประกาศชื่อบุคคลที่จะรับไม้ต่อคนต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นหลี่เฉียง ที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเบอร์ 2 ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) เมื่อเดือนตุลาคม 

การก้าวสู่ตำแหน่งใหม่ของหลี่เฉียงถือเป็นการหักปากกาเซียนครั้งใหญ่ เพราะหลี่เฉียงซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของสีจิ้นผิงและอดีตเสนาธิการผู้นี้ไม่เคยดำรงตำแหน่งระดับอาวุโสในรัฐบาลมาก่อน ทั้งยังบริหารงานผิดพลาดขณะนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่ต้องล็อกดาวน์กว่า 2 เดือนเพื่อสกัดโควิด-19 เมื่อปี 2022  

หลี่เฉียงบริหารจัดการการล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยดี การสั่งให้คนขับรถส่งอาหารอยู่แต่ในบ้านทำให้ทั้งอาหารและยาไม่สามารถเดินทางไปถึงประชาชนนับล้านๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน นอกจากนี้เซี่ยงไฮ้ยังขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ และชาวบ้านบางคนยังโพสต์ภาพพืชผักเน่าเสีย จนในที่สุดชาวบ้านทนไม่ไหวพากันพังรั้วที่ใช้กันเขตแดนและปะทะกับการ์ดที่บังคับใช้มาตรการคุมโควิดให้เป็นศูนย์  

หลายคนถึงกับตั้งคำถามว่าคนที่บริหารจัดการลอจิสติกส์ผิดพลาดเช่นนี้ได้รับตำแหน่งที่ต้องบริหารประเทศทั้งประเทศได้อย่างไร 

อย่างไรก็ดี นักธุรกิจบางคนมองว่าหลี่เฉียงเป็นผู้ริเริ่มที่สามารถหลบเลี่ยงความเข้มงวดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้  

ยอร์ก วุตต์เก ประธานหอการค้าสหภาพยุโรปประจำประเทศจีนเผยว่า “เขาฉลาดและเป็นผู้ดำเนินการที่ดี แต่เขาได้ตำแหน่งเพราะความภักดีต่อสี เอประธานาธิบดีขอให้เขากระโดด เขาตอบว่าสูงแค่ไหน” 

อย่างไรก็ดี วุตต์เกไม่ได้มองว่าเป็นความผิดของหลี่เฉียงทั้งหมด และนักธุรกิจคนอื่นๆ ก็เห็นด้วย หลี่เฉียงได้รับเครดิตจากการดึงเทสลามาเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นโรงงานเทสลานอกสหรัฐฯ แห่งแรก และเทสลายังได้รับไฟเขียวให้ดำเนินการของตัวเอง โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วนในจีนเหมือนกับที่บริษัทต่างชาติอื่นๆ ถูกกำหนดให้ทำ 

ทว่าต้องจับตาดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้หลี่เฉียงจะกล้าผ่อนปรนกฎของพรรคคอมมิวนิสต์อีกหรือไม่ 

คนใกล้ชิดสีจิ้นผิงอีกคนหนึ่งที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนโยบายเศรษฐกิจ และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนคือ เหอลี่เฟิง และหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มีข่าวลือออกมาคือ การแต่งตั้งคณะกรรมการพรรคคนใหม่ที่จะทำหน้าที่ดูแลธนาคารกลางและสถาบันการเงินอื่นๆ  

การเปลี่ยนแปลงนี้ซึ่งมีเหอลี่เฟิงเป็นคนกุมบังเหียนรัฐบาลและธนาคารกลางจะเป็นการรวมศูนย์การตัดสินใจมาไว้ภายใต้สีจิ้นผิง 

ริชาร์ด แม็คเกรเกอร์ จากสถาบันคลังสมอง Lowy Institute เผยว่า “ภายใต้สี พรรคและรัฐบาลได้รับการผลักดันร่วมกัน รัฐบาลมีความแตกต่างน้อยลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง” 

การเปลี่ยนแปลงที่มีข่าวลืออีกประการหนึ่งคือ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐอาจถูกตัดออกจากคณะมนตรีแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรี แล้วโยกไปอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมมาธิการกิจการภายในที่ตั้งขึ้นใหม่และอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์ 

แพทริเซีย ธอร์นตัน ศาสตราจารย์ด้านการใองจีนจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเผยว่า “การย้ายหน้าที่หลักจำนวนมากเหล่านี้ออกจากการกำกับดูแลของรัฐ จะทำให้รัฐอ่อนแอลง ขณะเดียวกันก็เสริมความแข็งแกร่งอย่างมากของคณะกรรมการกลางของพรรค และแน่นอนว่าเสริมความแข็งแกร่งของสีจิ้นผิงเองด้วย” 

และตำแหน่งใหม่ต่างๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะตกเป็นของคนใกล้ชิดที่จงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง 

นั่นหมายความว่า สีจิ้นผิงให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีมากกว่าธรรมเนียมการแต่ตั้งเดิมและประสบการณ์ นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมโปลิตบูโรชุดใหม่ทั้ง 7 คนจึงมีแต่คนที่จงรักภักดีกับสีจิ้นผิงเท่านั้น 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์