สหรัฐฯ ยกเลิกโครงการช่วยเหลือ 2 โครงการในกัมพูชาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ โครงการหนึ่งเพื่อส่งเสริมการรู้หนังสือของเด็ก และอีกโครงการหนึ่งเพื่อปรับปรุงโภชนาการและพัฒนาการของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ แต่ 1 สัปดาห์ต่อมา หน่วยงานช่วยเหลือของจีนได้ประกาศให้ทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่แทบจะเหมือนกันทุกประการ
หวางเหวินปิน เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชากล่าวว่า “เด็กๆ คืออนาคตของประเทศและชาติ เราควรดูแลการเติบโตของเด็กๆ อย่างมีสุขภาพดีร่วมกัน”
แม้ว่าการประกาศของจีนจะไม่ได้ระบุตัวเลขเป็นเงินดอลลาร์ แต่เงินของจีนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเงินทุนสำหรับโครงการริเริ่มและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเภทเดียวกันกับโครงการที่ถูกยุติลงอันเป็นส่วนหนึ่งของการยุบหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAid) ของรัฐบาลทรัมป์
ทั้ง 2 โครงการมุ่งเน้นที่ ‘การศึกษาแบบครอบคลุม’ และ ‘เด็กที่เปราะบางที่สุด’ โดยทั้ง 2 โครงการจะจัดหาอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์ล้างมือ และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับครอบครัวและครัวเรือนที่เปราะบาง รวมถึงทารกแรกเกิด และเด็กที่มีความพิการ
ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.3 พันล้านบาท) ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินออม 27,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.4 แสนล้านบาท) ที่รัฐบาลทรัมป์เปิดเผยเมื่อสัปดาห์นี้ว่าสามารถประหยัดได้จากการยกเลิกสัญญาช่วยเหลือหลายพันฉบับ
แต่สำหรับกัมพูชา ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เทียบเท่ากับรัฐเวอร์มอนต์ของสหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ และการทดแทนเงินทุนต่างประเทศที่สูญเสียไปก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกำกับดูแล USAid อาจจะรับหน้าที่ดูแลหน่วยงานนี้ทั้งหมด โดยระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯ กำลังให้เงินทุนสนับสนุนโครงการช่วยเหลือที่ทำให้ชาวอเมริกันร่ำรวยและมีความมั่นคงมากขึ้น
“แม้ว่าสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ แต่เราก็หวังว่าจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเรากับกัมพูชาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น...” กระทรวงการต่างประเทศระบุเพิ่มเติมในแถลงการณ์
สัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และที่ปรึกษา อีลอน มัสก์ เริ่มดำเนินการปฏิรูปการช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ซึ่งรวมไปถึงการยุบ USAid ด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่งในกัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ ได้ใช้เงินไปแล้วประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 โดยจะเห็นว่าสหรัฐฯ แข่งขันการเข้ามามีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะในกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลของไบเดนได้แสดงความกังวลถึงอิทธิพลทางทหารของจีนที่ฐานทัพเรือเรียมของกัมพูชาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
แต่ล่าสุด สหรัฐฯ ได้เคลื่อนไหวเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการป้องกันกับรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งอนุญาตให้เรือรบสหรัฐฯ เข้าถึงน่านน้ำเรียมได้เป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2024
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จากการตัดความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ในประเทศที่กำลังพัฒนา หลังจากรัฐบาลทรัมป์ดำเนินการยกเลิกสัญญาความช่วยเหลือต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และให้พนักงานลาพักงาน
ขณะเดียวกัน สมาชิกรัฐสภาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เตือนว่า จีนอาจเข้ามามีอิทธิพลเหนือประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น หลังจากดึงดูดเจ้าหน้าที่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ มานานหลายปี ด้วยเงินกู้หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่มุ่งเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานเป็นหลักผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
และแน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น จีนได้ประกาศให้เงินทุนสนับสนุนโครงการกำจัดทุ่นระเบิดของกัมพูชาไปแล้ว แต่ถูกสหรัฐฯ ยกเลิกไป และต่อมาได้คืนทุนให้อีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนมีนาคม จีนยังประกาศโครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยในรวันดา ซึ่ง USAid เพิ่งลดสัญญาไปเมื่อไม่นานนี้ แถมรายงานยังระบุอีกว่าเจ้าหน้าที่จีนเสนอที่จะชดเชยช่องว่างด้านเงินทุนในเนปาล ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างอินเดียและจีน
วิลล์ พาร์คส์ ผู้แทนองค์การยูนิเซฟในกัมพูชากล่าวในแถลงการณ์ว่า “ทางองค์กรและกัมพูชาได้ลงนามความร่วมมือกับจีนในปี 2024 ตามข้อเสนอจากปี 2022 โดยความร่วมมือดังกล่าวเปิดตัวเมื่อต้นเดือนนี้และเป็นการเสริมเงินทุนจากประเทศอื่นๆ...ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาได้พัฒนาเด็กๆ อย่างมาก แต่การลดงบประมาณช่วยเหลือลงอีกอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากลำบากเหล่านี้”
“รัฐบาลกัมพูชาทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย และเราไม่เคยพึ่งพาพันธมิตรรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้น หากพันธมิตรรายใดรายหนึ่งถอนการสนับสนุน เราจะพยายามหาพันธมิตรรายอื่นมาทดแทน” เพน โบนา โฆษกรัฐบาล กล่าว
กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในแถลงการณ์ว่า “จีนจะยังคงให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในกัมพูชาภายใต้กรอบความร่วมมือใต้-ใต้ นโยบายความช่วยเหลือของจีนยังคงสอดคล้องและชัดเจน หลักการของจีนที่ไม่แทรกแซง ไม่ผูกมัดทางการเมืองใดๆ และไม่ให้คำมั่นสัญญาที่ว่างเปล่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
แม้ว่าทีมงานของทรัมป์จะกล่าวว่าโครงการที่ถูกยกเลิกนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แก่ชาวอเมริกัน แต่ ไดอานา พัทแมน อดีตผู้ช่วยผู้บริหารรักษาการของ USAid ประจำแอฟริกา กล่าวว่า “ความช่วยเหลือต่างประเทศมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐของ USAid ช่วยให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้รับข้อได้เปรียบที่สำคัญ...อิทธิพล และความสามารถในการสร้างความแตกต่างในแง่ของนโยบายต่างประเทศในประเทศนั้นได้รับการสนับสนุนจากเงินที่พวกเขานำมาให้ และในประเทศกำลังพัฒนา เงินดังกล่าวเป็นเงินที่ USAID มีเป็นหลัก”
Photo by : Shutterstock / Jim Lambert