นักไวรัสวิทยาชื่อดังของจีน สือ เจิ้งลี่ (Shi Zhengli) หรือที่รู้จักในชื่อ 'Batwoman' ได้เตือนว่า การระบาดคล้ายไวรัสโคโรนา ‘มีแนวโน้มสูง’ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า นักไวรัสวิทยา รายงานการวิจัยล่าสุดชื่อ “การประเมินและการวินิจฉัยโรคทางเซรุ่ม (การวินิจฉัยโรคโดยการตรวจแอนติบอดีในน้ำเลือด) สำหรับโคโรนาไวรัสที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของมนุษย์” และเตือนว่าโลกจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับโรคอื่น เช่นเดียวกับโควิด-19 เพราะหากโคโรนาไวรัสทำให้เกิดโรคเกิดมาก่อน มีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดการระบาดในอนาคต
ในการศึกษานี้ เจิ้งลี่และเพื่อนร่วมงานจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นได้ประเมินความเสี่ยงในการแพร่กระจายสู่มนุษย์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 40 สายพันธุ์ พวกเขาพบว่าครึ่งหนึ่งของสายพันธุ์เหล่านี้มีความเสี่ยงสูง ในจำนวนนี้ มี 6 ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคที่ติดเชื้อในมนุษย์ ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานว่าอีก 3 ชนิดทำให้เกิดโรคหรือทำให้สัตว์สายพันธุ์อื่นติดเชื้อ
งานวิจัยเตือนว่า เกือบจะแน่นอนแล้วว่าจะมีโรคเกิดขึ้นในอนาคต และมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นไวรัสโคโรนาอีกครั้ง
SCMP รายงานว่า การศึกษานี้อิงจากการวิเคราะห์ลักษณะของไวรัส รวมถึงประชากร ความหลากหลายทางพันธุกรรม ชนิดของโฮสต์ และประวัติของโรคสัตว์สู่คนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การศึกษายังระบุโฮสต์ของเชื้อโรค รวมถึงโฮสต์ตามธรรมชาติ เช่น ค้างคาวและสัตว์ฟันแทะ หรือโฮสต์ตัวกลางที่เป็นไปได้ เช่น อูฐ ชะมด สุกร หรือตัวลิ่น
ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC) บอกกับ SCMP โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า ทางการจีนกำลังมองข้ามเรื่องโควิด-19 และบางเมืองก็หยุดเผยแพร่ข้อมูลการติดเชื้อแล้ว
ตามรายงานของ AFP ระบุว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น โดยมีนักการเมืองสหรัฐฯ บางคนสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าโรคโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากการรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจจากห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่มีหลักฐานสำหรับการกล่าวอ้างดังกล่าว
ในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ หัวหน้าองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังตั้งข้อสังเกตว่า โลกต้องเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป ‘โรค X ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต มากกว่าโควิด-19’ ถึง 20 เท่า
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ของ WHO แสดงถึงความรู้ที่ว่าโรคระบาดร้ายแรงระหว่างประเทศอาจเกิดจากเชื้อโรคที่ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ ซึ่งอาจเป็นเชื้อชนิดใหม่ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา โดยที่ไม่ทราบวิธีรักษา WHO เริ่มใช้คำนี้ในปี 2018 หนึ่งปีต่อมา โควิด-19 เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลก
