หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นในการปราบปรามการพนันออนไลน์ รวมถึงการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง
จากแถลงการณ์ของหวังระบุว่า คดีการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่เกิดขึ้นหลายกรณีตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาได้คุกคามและสร้างความเสียหายต่อพลเมืองของจีนและประเทศอื่นๆ
“จีนยินดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศอาเซียนในด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการเดินทางสำหรับคนทุกชาติ” หวัง กล่าว
ข้อเสนอของจีนที่จะยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงนั้นได้เน้นย้ำถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของจีนเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นจากการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและการค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ข้อเสนอดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนใหม่จากจีนในการเสริมสร้างการประสานงานกับกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเมียนมาและไทย เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดน
นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งใช้จ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และเรื่องราวที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดียของจีนเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ถูกแก๊งอาชญากรจี้ปล้นอาจทำให้พวกเขาไม่กล้าเดินทางไปยังภูมิภาคนี้
ในคดีฉาวโฉ่ล่าสุด เคสของ ‘ซิงซิง’ นักแสดงชาวจีนที่หายตัวไปเมื่อต้นเดือนนี้ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งถูกพบตัวในเมียนมา โดยตำรวจไทยเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพวกเขาเชื่อว่า ‘ซิงซิงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์’
สำนักข่าว CCTV ของทางการจีนรายงานเมื่อวันพุธ (15 ม.ค.) ว่า กลุ่มมิจฉาชีพจากต่างประเทศหลอกชาวจีนด้วยการสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งงานที่มีค่าจ้างสูง อาหาร ที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน อีกทั้งยังหลอกล่อพวกเขาให้เข้าไปอยู่ในแหล่งฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในเมืองต่างๆ เช่น เมืองเมียวดี ซึ่งตั้งอยู่บนชายแดนระหว่างเมียนมากับประเทศไทย
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ผู้กำหนดนโยบายของไทยตกลงที่จะ ‘เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย’
เมื่อปีที่แล้ว ไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งตัวพลเมืองจีนประมาณ 900 คนที่ติดอยู่ในศูนย์หลอกลวงในเมียวดี ในขณะที่ในปี 2023 เมียนมาได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยในคดีฉ้อโกงโทรคมนาคมมากกว่า 31,000 รายให้กับจีน
(Photo by Jade GAO / AFP)