‘ลูกสาว’ พ่อค้าโบราณวัตถุที่เพิ่งส่งคืนไทย เผยเคยเจอ ‘รูปปั้น’ เดินตอนกลางคืน!

18 ธ.ค. 2566 - 09:28

  • เปิดใจ ‘นวพรรณ เกรียงศักดิ์’ ลูกสาวพ่อค้าโบราณวัตถุอย่าง ดักลาส แลทช์ฟอร์ด ที่ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times

daughter-honors-if-not-absolves-her-father-SPACEBAR-Hero.jpg

‘นวพรรณ เกรียงศักดิ์’ ลูกสาวของนักสะสมโบราณวัตถุระดับโลก ‘ดักลาส แลทช์ฟอร์ด’ ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับ ‘พ่อ’ ของเธอว่า ไม่ว่าจะมุมไหนๆ ของอพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯ จะมีรูปปั้นเทพเขมรซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าจะไปวิ่งเล่น หรือทำอะไรอึกทึกครึกโครม 

เธอให้สัมภาษณ์ว่า ตอนเธอเข้านอนตอนเด็กๆ เธอมักจะบอกพ่อของเธอว่า ‘พวกรูปปั้นนี้ออกมาเดินกันตอนกลางคืน’  

หลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตในวัย 88 ปี มรดกรูปปั้นทั้งหมดของเขาก็กลายเป็นของเธอ รูปปั้นราว 125 ชิ้น ที่ว่ากันว่าเป็นคอลเลกชันส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากราชวงศ์เขมรที่มีอายุราว 1,000 ปี ของกัมพูชา  

แต่แลทช์ฟอร์ดไม่ได้เป็นแค่นักวิชาการด้านโบราณวัตถุเขมรที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น เขายังถูกกล่าวหาว่าลักลอบค้าโบราณวัตถุที่ถูกปล้นมานานหลายทศวรรษอีกด้วย  

เธอเล่าว่า คอลเลกชันของพ่อมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นภาระที่หนักอึ้งในการดูแลรักษา เธอจึงตัดสินใจคืนของเหล่านี้ให้กับประเทศกัมพูชา ซึ่งนักวิชาการกัมพูชาสามารถศึกษาสิ่งของเหล่านั้นได้ และนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ที่จะสร้างขึ้นในกรุงพนมเปญ 

นับเป็นการพลิกผันที่น่าทึ่งสำหรับชาวกัมพูชา ที่ได้เห็นโบราณวัตถุจำนวนมากในประเทศของตัวเองสูญหายไปในช่วงรัชสมัยที่เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือมาหลายชั่วอายุคน และไม่เคยถูกมองว่าเป็นแหล่งรายได้  

รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชากล่าวว่า แค่คำว่า ‘ความสุข’ อาจไม่เพียงพอสำหรับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ที่ได้รู้ว่ารูปปั้นพวกนี้จะกลับมา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่หิน โคลน และโลหะ พวกมันคือเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และแผ่นดินของประเทศชาติของเราที่ถูกฉีกทิ้งไป มันเหมือนการที่เราสูญเสียใครสักคนในสงคราม และไม่คิดว่าพวกเขาจะได้กลับบ้าน และตอนนี้พวกเขาก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้านของเรา 

นวพรรณไม่ชอบที่จะพูดคุยเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มุ่งเป้าไปที่พ่อของเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอมองว่าการสะสมของพ่อเป็นการแสดงความนับถือ ไม่ใช่ความโลภ

“แม้ว่าผู้คนจะพูดหรือกล่าวหาพ่อ แต่พ่อของฉันเริ่มสะสมผลงานของเขาในยุคที่แตกต่างออกไปอย่างมาก และโลกของเขาก็เปลี่ยนไป วันนี้ฉันต้องมองโลกจากมุมมองของครอบครัว ฉันอยากให้ทุกอย่างที่ดักลาสเก็บมารวมไว้ในที่ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถเพลิดเพลินและเข้าใจมันได้ ไม่มีสถานที่ไหนจะดีไปกว่ากัมพูชา ที่ผู้คนต่างเคารพบูชาวัตถุเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สำหรับงานศิลปะหรือประวัติศาสตร์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสำคัญทางศาสนาของพวกของด้วย”

นวพรรณ

ผลงานสำคัญ 25 ชิ้นมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ได้ถูกจัดส่งจากกรุงเทพฯ ไปยังพนมเปญฯ แล้ว ขณะที่สิ่งของอีกราว 100 ชิ้น จะถูกส่งไปยังกัมพูชาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งจากกรุงเทพฯ และบ้านของแลทช์ฟอร์ดในลอนดอน  

ทนายของนวพรรณ และรัฐบาลกัมพูชา กำหนดมูลค่าของคอลเลกชันดังกล่าวไว้ที่มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากขายแยกรายชิ้น วัตถุหลายชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังมีอัญมณีและมงกุฎทองคำที่ใช้ประดับประติมากรรมด้วย 

รัฐบาลกัมพูชา ไม่เคยกล่าวหาว่าแลทช์ฟอร์ดเป็นเจ้าของรูปปั้นอย่างผิดกฎหมาย และในความเป็นจริงเขาก็บริจาคสิ่งของในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวว่า สิ่งของที่ได้รับบริจาคใหม่จะถูกนำไปที่พิพิธภัณฑ์ในชื่อ ‘The Latchford Collection’ 

แลทช์ฟอร์ดยังมอบของขวัญให้กับพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันในนิวยอร์ก ซึ่งในปี 2012 ได้ส่งคืนสิ่งของชิ้นใหญ่สองชิ้นที่เรียกว่า ‘ผู้คุกเข่า’ ให้แก่กัมพูชา หลังจากพิจารณาว่าสิ่งของเหล่านั้นถูกปล้นไป แลทช์ฟอร์ดได้บริจาคชิ้นส่วนของรูปปั้นที่พังให้กับพิพิธภัณฑ์ แม้ว่าเขาจะไม่เคยถูกกล่าวหาว่าทำผิดใดๆ ก็ตาม 

แลทช์ฟอร์ดปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมานานแล้ว โดยมักยืนกรานว่าเขาเป็นผู้กอบกู้สมบัติที่อาจถูกทำลายหรือทิ้งให้อยู่ในป่า

ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า พวกเขาหวังว่าการตัดสินใจของนวพรรณจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักสะสมส่วนตัวคนอื่นๆ และพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ คืนสมบัติเขมรที่เป็นของพื้นเมืองอย่างแท้จริง 

“มันเป็นข้อความที่ส่งต่อไป ว่ารูปปั้นควรอยู่บนพื้นดินของเรา ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัว แต่ต้องอยู่ที่นี่ในกัมพูชาซึ่งผู้ที่มาเยือนทั่วโลกสามารถเห็นได้” เธอกล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์