DeepSeek แชทบอทจีนโค่นบัลลังก์ ChatGPT สหรัฐฯ สั่นคลอน Nvidia

28 ม.ค. 2568 - 08:42

  • DeepSeek เป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์สหรัฐฯ (เกือบ 2 ล้านครั้ง) แซงหน้า ChatGPT

  • DeepSeek บอกว่า โมเดลเอไอรุ่นล่าสุดของบริษัทมีประสิทธิภาพเท่ากับโมเดลของผู้นำตลาดในสหรัฐฯ อย่าง ChatGPT แต่ต้นทุนต่ำกว่า   

deepseek-chinese-ai-app-that-has-the-world-talking-SPACEBAR-Hero.jpg

แชทบอทเอไอสัญชาติจีนอย่าง DeepSeek ที่ทำงานคล้ายๆ กับ ChatGPT สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้วงการเอไอสหรัฐฯ และกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก 

นอกจากจะขึ้นแท่นเป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์สหรัฐฯ (เกือบ 2 ล้านครั้ง) แซงหน้า ChatGPT ไปเรียบร้อย หลังเปิดตัวในสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาแล้ว ยังมีต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบรรดาบริษัทเอไอของสหรัฐฯ  และใช้ชิปที่ไม่ล้ำเท่ากับชิปของ Nvidia จนทำให้นักลงทุนหวั่นใจฉุดตลาดหุ้นร่วงระนาว 

มาร์ก แอนดรีสเซน นักลงทุนแบบร่วมลงทุนในซิลิคอนแวลลีย์และผู้สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชม DeepSeek ว่าเป็น “หนึ่งในความก้าวหน้าที่น่าทึ่งและน่าประทับใจที่สุด” ในเอไอ  

ส่วนตัวทรัมป์เองบอกว่า DeepSeek คือ “เรื่องเตือนสติ” สำหรับบริษัทสหรัฐฯ

“หวังว่า การเปิดตัว DeepSeek AI จากบริษัทจีนจะเป็นเรื่องเตือนสติสำหรับอุตสาหกรรมของเรา ว่าเราจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแข่งขันเพื่อให้ชนะ”

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

DeepSeek บอกว่า โมเดลเอไอรุ่นล่าสุดของบริษัทมีประสิทธิภาพเท่ากับโมเดลของผู้นำตลาดในสหรัฐฯ อย่าง ChatGPT แต่ต้นทุนต่ำกว่า บริษัทเผยว่าใช้งบประมาณไปเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บรรดาบริษัทสหรัฐฯ ใช้เงินไปหลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ หรือถูกกว่า OpenAI โมเดล o1 ราว 20-50 เท่า

deepseek-chinese-ai-app-that-has-the-world-talking-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Photo by AFP

บริษัทอเมริกันอย่าง Nvidia กระทบหนัก 

ต้นทุนที่ต่ำกว่าของ DeepSeek ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของความเป็นผู้นำด้านเอไอของสหรัฐฯ และส่งแรงกระเพื่อมไปถึงตลาดหุ้นในวันจันทร์ที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้น Nasdaq ร่วงกว่า 3% เพราะนักลงทุนเทขายหุ้นผู้ผลิตชิปและหุ้นศูนย์ข้อมูล 

Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในแง่ของมูลค่าตลาด ได้รับผลกระทบหนักสุด ราคาหุ้นร่วงถึง 17% มูลค่าตลาดหายไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ ซึ่งเป็นการร่วงหนักมากที่สุดใน 1 วันสำหรับบริษัทใดๆ ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับชิปอื่นๆ อาทิ Meta, Alphabet, Microsoft, Apple และ ASML ก็เผชิญชะตากรรมเดียวกัน

Quote “การเปิดตัวโมเดลของ DeepSeek ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำตลาดของบริษัทสหรัฐฯ ไปจนถึงเม็ดเงินที่ใช้ในการพัฒนา และจะสามารถสร้างกำไรได้หรือไม่”

คีธ เลอร์เนอร์ นักวิเคราะห์จาก Truist

ความสำเร็จของ DeepSeek ลบล้างความเชื่อที่ว่าต้องใช้ทั้งเงินทุนมหาศาลและชิปล้ำๆ ถึงจะพัฒนาเอไอได้ ส่งผลให้อนาคตของชิปล้ำๆ เริ่มสั่นคลอน รวมถึงมีการตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผลที่บริษัทเทคใหญ่ๆ บางเจ้าประกาศทุ่มทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐพัฒนาเอไอ อย่าง Meta เผยว่าจะใช้เงินกว่า 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาเอไอ ส่วน แซม อัลท์แมน ซีอีโอ OpenAI บอกว่า อุตสาหกรรมเอไอต้องใช้เงินลงทุนล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาชิป 

และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ความสำเร็จของสตาร์ตอัพจีนที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อสองสามปีก่อนนี้เกิดขึ้นได้แม้จะถูกรัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงซัพพลายชิปมาหลายปี  

อย่างไรก็ดี บางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสำเร็จของ DeepSeek  

อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอ Scale AI ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า DeepSeek มีชิป H100 ของ Nvidia 50,000 ชิ้น ซึ่งหวังอ้างว่า DeepSeek ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากจะเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามขายชิปให้บริษัทจีนของสหรัฐฯ ส่วนนักวิเคราะห์ของ BernStein ระบุในบทวิจัยย่อว่า ไม่ทราบต้นทุนการฝึกฝนทั้งหมดของ DeepSeek โมเดล V3 แต่ต้องมากกว่า 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่บริษัทบอกไว้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์