รัฐสวัสดิการของ ‘เดนมาร์ก’ ดียังไงทำไมเลียนแบบยาก?

2 มิ.ย. 2566 - 09:03

  • ‘เดนมาร์ก’ ประเทศที่ขึ้นว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก คอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในโลก และยังเป็น ‘รัฐสวัสดิการ’ ที่เข้มแข็งลอกเลียนแบบยากอีกด้วย

denmark-welfare-state-why-it-is-hard-to-copy-SPACEBAR-Thumbnail

ใครๆ ต่างก็พูดว่า ชีวิตดีก็เพราะมีสวัสดิการที่ดี ส่วน สวัสดิการที่เข้าถึงเราได้ก็เพราะมีรัฐบาลที่ดีและใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชน ทว่าสมการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับหลายๆ ประเทศเสมอไป รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย

แต่มีอยู่ประเทศหนึ่งบนโลกใบนี้ทางยุโรปเหนือในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ทั้งติดอันดับประเทศที่มีความสุขมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งมีระบบสวัสดิการของรัฐที่เข้มแข็งถึงขนาดที่ว่าไม่มีที่ใดในโลกนี้ลอกเลียนได้อย่าง ‘เดนมาร์ก’  

แล้วทำไมระบบสวัสดิการในเดนมาร์กถึงทำงานได้ดี? หลายปีที่ผ่านมานี้เดนมาร์กติดอันดับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก อันเนื่องมาจากค่าแรงขั้นต่ำที่สูง คุณภาพชีวิตและสมดุลระหว่างงานที่ดี 

นอกจากนี้ เดนมาร์กยังถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีความไว้วางใจทางสังคมสูง มีอาชญากรรมเพียงเล็กน้อย รวมถึงมีความเท่าเทียมทางเพศที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เองที่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์บางส่วนจากระบบสวัสดิการที่ผลักดันประเทศให้อยู่ในอันดับต้นๆ
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1ob70cSPxdOAU8pWnkMwrO/f7930957445eb50211c5755385414d71/info_denmark-welfare-state-why-it-is-hard-to-copy
มาดูกันว่าระบบสวัสดิการของเดนมาร์กแตกต่างจากระบบสวัสดิการในประเทศอื่นๆ อย่างไร? 

การเข้าถึงทุกคนอย่าง ‘เท่าเทียม’ กัน

รัฐสวัสดิการในเดนมาร์กมีลักษณะเป็นระบบประกันสังคมที่กว้างขวางและมีความเท่าเทียมของรายได้ในระดับสูง พลเมืองเดนมาร์กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาและการดูแลสุขภาพได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิหลังทางสังคมและการเงินของพวกเขา 

ในทำนองเดียวกัน พลเมืองทุกคนก็มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยอย่างจำกัดสำหรับการสูญเสียรายได้เนื่องจากการว่างงาน ความพิการ หรือการเจ็บป่วย  

หลักการดังกล่าวเรียกว่า ‘รูปแบบสวัสดิการถ้วนหน้า (universal welfare model)’ คือ พลเมืองทุกคนมีสิทธิได้รับสวัสดิการและบริการพื้นฐานบางอย่างโดยพิจารณาจากความเป็น ‘พลเมือง’ เพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งนี้แสดงถึงความขัดแย้งกับ ‘รูปแบบสวัสดิการสังคมแบบชั่วคราว (residual welfare model)’ ที่แต่ละคนจำเป็นต้องพึ่งพาตนเองได้และรัฐจัดบริการสวัสดิการขั้นต่ำเฉพาะสำหรับคนจนที่สุดเท่านั้นดังเช่นกรณีในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ 

นอกจากนี้รูปแบบดังกล่าวของเดนมาร์กยังแตกต่างจาก ‘รูปแบบสวัสดิการแบบเลือกสรร (selective welfare model)’ ที่การเข้าถึงบริการสวัสดิการฟรีจะถือเป็นสิทธิแต่เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดแรงงานเท่านั้น ไม่ว่าจะผ่านงานของตนเอง งานของคู่ครอง หรืองานของพ่อแม่ก็ตาม 

สวัสดิการตามรูปแบบนี้ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างรัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง ซึ่งร่วมกันออกเงินประกันสวัสดิการภาคบังคับอย่างในกรณีฝรั่งเศสและเยอรมนี 

ความจริงที่ว่ารัฐเดนมาร์กจัดหาและแจกจ่ายผลประโยชน์และบริการ รวมถึงรับผิดชอบสวัสดิการสังคมของพลเมืองทุกคน เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมแบบจำลองรูปแบบสวัสดิการของเดนมาร์กจึงถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นความเข้าใจผิดว่ารูปแบบสวัสดิการของเดนมาร์กมีพื้นฐานมาจากอุดมการณ์สังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ที่สันนิษฐานว่าเป็นระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน ในทางตรงกันข้าม มันเป็นรูปแบบสวัสดิการซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในระบบเศรษฐกิจตลาดทุนนิยมโดยมีสังคมเดนมาร์กเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก 

ภาษีที่จ่ายไป…ไม่เปล่าประโยชน์ 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/10vGKzBow1M4bTTmmksRov/11c46ac33e6b83725f59fcdbddbfde25/denmark-welfare-state-why-it-is-hard-to-copy-SPACEBAR-Photo01
เป็นเรื่องปกติมากที่จะได้ยินชาวเดนมาร์กและชาวต่างชาติพูดว่าการศึกษาและการดูแลสุขภาพในเดนมาร์กนั้น ‘ฟรี’ เนื่องจากระบบสวัสดิการของเดนมาร์กอาจไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้บางราย เช่น โรงเรียนของรัฐและการนัดหมายแพทย์ ซึ่งหมายความว่ามีการเข้าถึงฟรี ณ จุดแรกเข้า แต่ระบบสวัสดิการโดยรวมจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากการเก็บภาษีแบบก้าวหน้าแล้ว 

หมายความว่าพลเมืองและบริษัทเอกชนที่มีรายได้สูงจ่ายภาษีสูงกว่า และพลเมือง รวมถึงบริษัทเอกชนที่มีรายได้น้อยจะจ่ายภาษีต่ำกว่า ซึ่งภาษีเหล่านี้เองที่จะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับบริการด้านสุขภาพและการศึกษาที่กว้างขวาง 

อย่างไรก็ตาม การลดความเหลื่อมล้ำไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรูปแบบสวัสดิการเดนมาร์ก แต่เพื่อให้แน่ใจว่ามีการดูแลสุขภาพและการศึกษาสำหรับพลเมืองทุกคนต่างหาก 

ปัจจุบันตามการสำรวจของสถาบัน Gallup Institute Survey ระบุว่า พลเมืองเดนมาร์กโดยเฉลี่ยจ่ายภาษีทั้งหมด 46% ของรายได้ แม้ว่าชาวเดนมาร์กจะมีภาระภาษีสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก แต่ชาวเดนมาร์ก 88% ก็ยินดีจ่ายภาษีของตน  

“โดยทั่วไปชาวเดนมาร์กมองระบบสวัสดิการในแง่บวกมาก เพราะทุกคนได้รับประโยชน์จากระบบนี้ หากคุณมีลูกในศูนย์รับเลี้ยงเด็กสาธารณะ คุณจะรู้ดีว่าคุณต้องจ่ายเพียงแค่ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายจริงเท่านั้น…หรือหากคุณเจ็บป่วยหรือต้องคลอดบุตรซึ่งในกรณีนี้ก็ไม่มีค่าใช้จ่าย” 

“ระบบนี้มีประสิทธิภาพเพราะทุกคนรู้สึกว่าได้รับบริการสาธารณะที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐานที่ยอมรับได้เป็นการตอบแทนจากภาษีที่พวกเขาจ่ายไป…แม้แต่ในกลุ่มประชากรที่มีฐานะร่ำรวยก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าระบบสวัสดิการของเดนมาร์กทำให้เดนมาร์กเป็นสถานที่ที่น่าอยู่” ปีเตอร์ อับราฮัมสัน ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนกล่าว 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความเชื่อมโยงระหว่างการจ่ายภาษีกับสิ่งที่พลเมืองและบริษัทแต่ละคนได้รับเป็นการตอบแทนนั้นเป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ในเดนมาร์กเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งความเชื่อมโยงนี้อาจไม่ค่อยชัดเจนนัก 

สิทธิประโยชน์และบริการที่พลเมืองได้รับ
  • การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรและผลประโยชน์ของเด็ก 
  • เงินอุดหนุนศูนย์รับเลี้ยงเด็ก 
  • ทุนนักเรียนในช่วงเยาวชน ศึกษาต่อและอุดมศึกษา 
  • การดูแลสุขภาพ อายุรแพทย์ โรงพยาบาล และรักษาเฉพาะทาง 
  • การดูแลด้านจิตใจสำหรับเยาวชนอายุ 18-24 ปี 
  • สวัสดิการกรณีว่างงาน ทุพพลภาพ และเจ็บป่วย 
  • ค่าที่พัก (บ้านเช่า) 
  • การเกษียณอายุก่อนกำหนดสำหรับผู้พิการ 
  • เงินบำนาญ (67 ปีขึ้นไป) / ดูแลผู้สูงอายุ 
  • ห้องสมุดประชาชน 
  • อุดหนุนการขนส่งสาธารณะ / กิจกรรมทางวัฒนธรรมและชมรมกีฬา 
  • ไม่มีการเก็บค่าผ่านทางบนทางด่วน 

ปฏิรูประบบข้าราชการที่เกียจคร้านและฉ้อฉล

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1PB8poMGzoWGbslGM08J0M/fce1de8ebed47ce33ab00358ecf11bcb/denmark-welfare-state-why-it-is-hard-to-copy-SPACEBAR-Photo02
ย้อนกลับไปในปี 1660 ท่ามกลางภาวะสงครามระหว่างเดนมาร์กและสวีเดนที่ดูเหมือนว่าเดนมาร์กจะเสียเปรียบเสียด้วย ทั้งยังสูญเสียมณฑลขนาดใหญ่ไปหลายแห่งให้กับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงและคลังสมบัติของเดนมาร์กก็แทบจะว่างเปล่า พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 3 แห่งเดนมาร์กในเวลานั้นทรงต้องการกู้คืนสิ่งที่เสียไปซึ่งต้องมีเงินมากกว่านี้เพื่อใช้เป็นทุนแก่กองทัพที่แข็งแกร่งและใหญ่ขึ้น  

เพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคทางการเงินนี้ พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 3 ต้องเผชิญหน้าและแก้ไขข้อเท็จจริงที่ว่าเงินของรัฐมีน้อยเพราะตำแหน่งที่มีอำนาจและตำแหน่งสาธารณะทั้งหมดถูกจัดขึ้นโดยคนชั้นสูงที่ทั้งเกียจคร้านและคดโกง นั่นหมายความว่าภาษีส่วนใหญ่ที่เก็บในหมู่ชาวเดนมาร์กจะตกไปอยู่กระเป๋าของชนชั้นสูงและไม่ได้อยู่ในเงินกองทุนของรัฐ 

พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 3 จึงตัดสินใจที่จะปฏิรูประบบการบริหารประเทศด้วยการกำจัดขุนนางที่ฉ้อฉลและแทนที่ด้วยข้าราชการที่มีทักษะ การตัดสินใจครั้งนี้หมายความว่าผู้บริหารกิจการของรัฐเดนมาร์กจะไม่ได้ถูกเลือกตามตำแหน่งและสายเลือดอีกต่อไป แต่จะเลือกจากการศึกษาและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องทำให้สำเร็จ 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ขั้นตอนเริ่มต้นในการต่อสู้กับการทุจริตและการฉ้อฉลในระดับชาติยังเป็นการสร้างก้าวแรกสำหรับระบบภาษีและสวัสดิการของเดนมาร์กดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย 

ระบบความไว้วางใจเป็นเลิศ

แน่นอนว่าการปฏิรูประบบราชการนั้นมาพร้อมกันกับการลงโทษที่รุนแรงสำหรับกรณีที่มีการทุจริตด้วยเช่นกัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และส่งผลให้ทุกวันนี้ เดนมาร์กยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตน้อยที่สุดในระดับโลก  

นอกจากนั้นแล้วยังอธิบายได้บางส่วนว่าทำไมชาวเดนมาร์กถึงมีความไว้วางใจกันในระดับสูงทั้งในระบบยุติธรรมและสถาบันอื่นๆ ของรัฐบาลด้วย 

“หลักนิติธรรมหมายความว่าประชาชนไว้วางใจว่าเงินภาษีของพวกเขาได้รับการลงทุนอย่างดี พวกเขาสามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ และสถาบันให้บริการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนด้วยวิธีที่คาดเดาและเชื่อถือได้” เกิร์ต ทิงการ์ด สเวนเซน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอาร์ฮุส (Aarhus) อธิบาย 

ความเป็น ‘อันหนึ่งอันเดียวกัน’ ของเดนมาร์ก 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/zTOLJyejYv0Xl5sJO35AS/6706cbd79e86ae9d43636e4b90bc410b/denmark-welfare-state-why-it-is-hard-to-copy-SPACEBAR-Photo03
ค่านิยมหลักที่อยู่ภายใต้รัฐสวัสดิการและระบบของเดนมาร์ก ได้แก่ ความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค ความไว้วางใจ ความยุติธรรม ประชาธิปไตย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเสรีภาพ 

ส่วนหนึ่งในความสำเร็จของรัฐสวัสดิการในเดนมาร์กก็คือ เดนมาร์กมีประชากรที่มีลักษณะเป็นเอกพันธ์มาก (Homogeneous population) หมายถึงมีคุณลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ไม่เพียงแค่ในด้านสังคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านชาติพันธุ์และศาสนา ด้วยความเป็นอันหนึ่งเดียวกันและความรู้สึกผูกพันกันนี้อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รัฐสวัสดิการของเดนมาร์กลอกเลียนแบบได้ยาก 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันประชากรเดนมาร์กจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากโลกาภิวัตน์และการย้ายถิ่นฐานได้ส่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

แต่สัญญาณที่จับต้องได้ของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมล่าสุดที่มีอิทธิพลต่อระบบสวัสดิการ ประกันสุขภาพและประกันการว่างงานของเอกชน ซึ่งบริการเหล่านี้แทบไม่เคยได้ยินมาก่อนในเดนมาร์กเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ทว่าในตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ประชากรจำนวนมากใช้ประโยชน์จากมัน 

“การประกันประเภทนี้เป็นสัญญาณของความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น ชาวเดนมาร์กจำนวนมากขึ้นมีฐานะร่ำรวยขึ้น และผลที่ตามมาคือความคาดหวังที่สูงขึ้นต่อบริการด้านสวัสดิการและการเข้าถึงสิ่งนี้ เหตุใดพวกเขาจึงเลือกที่จะทำประกันส่วนตัว” อับราฮัมสันกล่าว  

ในแง่นี้ รัฐสวัสดิการและระบบสวัสดิการของเดนมาร์กกำลังถูกท้าทายในรูปแบบต่างๆ แต่การสนับสนุนจากสาธารณะต่อรูปแบบสวัสดิการถ้วนหน้ายังคงแข็งแกร่งซึ่งยังคงได้รับคะแนนสูงในด้านความมั่นคง ความเสมอภาค และความไว้วางใจ  

ถึงกระนั้น แม้ว่าเดนมาร์กจะมีค่าใช้จ่ายสาธารณะสูงเนื่องจากระบบสวัสดิการ ประกอบกับมีคนจำนวนมากที่ทำงานในภาครัฐ แต่ก็ถือว่าระดับค่าใช้จ่ายภาครัฐยังต่ำกว่าฝรั่งเศส ฟินแลนด์ และเบลเยียมมากเมื่อวัดค่าใช้จ่ายสาธารณะโดยสัมพันธ์กับค่า GDP ของประเทศ (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์