โดนัลด์ ทรัมป์ โวถูกดำเนินคดีไม่กระทบเลือกตั้งปี 2024

5 เม.ย. 2566 - 06:31

  • ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันที่อดีตประธานาธิบดีถูกฟ้องร้องในคดีอาญา

  •  นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ มีมุมมองว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นการช่วยอดีตปธน.ทรัมป์ให้ได้แรงหนุนจากผู้สนับสนุนเขาระหว่างที่เขาหาทางจะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า

donald-trump-new-york-court-hush-money-SPACEBAR-Hero
‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอาจถูกจับกุมอย่างเป็นทางการและปรากฏตัวต่อศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อช่วงบ่ายของวันอังคาร (4 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันที่อดีตประธานาธิบดีถูกฟ้องร้องในคดีอาญา 

เมื่อวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) ทรัมป์ ถูกคณะลูกขุนใหญ่ที่นิวยอร์กตั้งข้อหาว่าจ่ายเงินให้แก่ สตอร์มีย์ แดเนียลส์ อดีตดาราหนังผู้ใหญ่จำนวน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับการให้เธอปิดปากเงียบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขา ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ซึ่งทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี 

ทีมหาเสียงของทรัมป์ใช้ข่าวที่ทรัมป์ถูกฟ้องร้องในการระดมเงินทุนและสามารถหาเงินได้มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชม.แรกหลังจากที่เขาถูกฟ้องร้อง 

ทรัมป์ ซึ่งเตรียมลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2024 ระบุทางโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่า นี่เป็นการล่าแแม่มดที่มุ่งเป้าประหัตประหารเขาทางการเมืองโดยคู่แข่งของเขา และเพื่อทำลายการเคลื่อนไหวเพื่อ “Make America Great Again” 

ทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า การที่เขาถูกฟ้องร้องในครั้งนี้ นอกจากจะไม่กระทบต่อการลงชิงชัยของเขาในตำแหน่งประธานาธิบดีในปีหน้าแล้ว ยังจะส่งผลเสียสะท้อนกลับไปถึงตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างมากมายด้วย 

ด้านประธานาธิบดีไบเดนปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ กล่าวแค่ว่าขอไม่พูดพาดพิงถึงกรณีการฟ้องร้องทรัมป์ 

ส่วนคู่กรณีของทรัมป์คื อแดเนียลส์นั้นมีชื่อจริงว่า “สเตฟานี คลิฟฟอร์ด” เธอเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอินทัช เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2011 โดยบอกว่า เธอมีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์เมื่อปี 2006 ไม่นานหลังจากที่ เมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาของเขาคลอดบุตรชายที่ชื่อ บารอน ทรัมป์ 

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า แดเนียลส์ ได้รับเงินเป็นค่าสัญญาให้ปกปิดข้อมูลความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นความลับในช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ซึ่งในขณะนั้น เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาเพื่อให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์ 
 
บทสัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ของแดเนียลส์ เมื่อปี 2018 ทำเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 10 ปีของรายการนี้ ด้วยยอดผู้ชม 22 ล้านคน มากกว่างานประกาศรางวัลแกรมมี อวอร์ดส์ และงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ ทั้งยังมากกว่าบทสัมภาษณ์ของทรัมป์และครอบครัวหลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 

มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับคดีอื้อฉาวนี้ว่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้าอย่างไร ซึ่งว่ากันตามจริง ขณะที่ทรัมป์อาจจะดูมัวหมองเพราะคดีความที่เกิดขึ้นบ้าง แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับคะแนนเห็นใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้ที่สนับสนุนเขาอยู่แล้ว 

เชอร์รี เบบิช เจฟฟี นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ มีมุมมองว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นการช่วยอดีตปธน.ทรัมป์ให้ได้แรงหนุนจากผู้สนับสนุนเขาระหว่างที่เขาหาทางจะเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้าฃ 

“แน่นอนที่ว่าผู้สนับสนุนทรัมป์จะต้องโกรธมาก และจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล แม้การคาดคะเนนี้ จะยังเร็วเกินไป แต่หากความขุ่นเคืองของฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ยังร้อนระอุต่อไปจนถึงช่วงที่มีการเลือกตั้งขั้นต้น พวกเขาก็จะเริ่มออกมาแสดงพลัง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะแห่กันออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อเทคะแนนให้ทรัมป์ 

ด้านนักวิเคราะห์การเมืองบางกลุ่ม มองว่า คำตัดสินนี้สร้างความมัวหมองด่างพร้อยให้กับประเทศสหรัฐฯ และจะย้อนกลับมาทำร้ายอดีตปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด 

แต่คำตัดสินดังกล่าวจะไม่ยุติเส้นทางสู่ทำเนียบขาวสมัยที่ 2 ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และแม้ว่าเขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอเมริกันต่างเห็นว่า สิ่งนี้จะไม่สามารถหยุดเขาให้ก้าวขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ หากเขาได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งอีกครั้ง 

ริชาร์ด ฮาเซน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะหยุดทรัมป์ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะถูกฟ้องร้อง หรือแม้แต่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้เพียง 3 ประการเท่านั้น คือ 1) เป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด 2) มีอายุอย่างน้อย 35 ปี และ 3) อาศัยอยู่ในสหรัฐเป็นเวลาอย่างน้อย 14 ปี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์