หลังจากเกิดเหตุซุ่มยิงท่ามกลางเวทีปราศรัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันและอดีตประธานาธิบดี กำลังหาเสียงอยู่ในคืนวันเสาร์ (13 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้ทรัมป์ถูกยิงเฉียดโดนใบหูขวาส่วนบนก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้ามาล้อมตัวเขาไว้แล้วช่วยพยุงตัวทรัมป์ลงจากเวที ขณะที่ทรัมป์มีเลือดออกบริเวณใบหูขวาและใบหน้า แต่ยังมีสติและชูกำปั้นขึ้นมา
ในขณะนี้ทรัมป์ปลอดภัยแล้ว และไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร
ทรัมป์ เล่าวินาทีถูกยิง
“มันน่าเหลือเชื่อที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศของเรา ในเวลานี้ไม่มีใครทราบอะไรเกี่ยวกับมือปืน ซึ่งตอนนี้เสียชีวิตแล้ว ผมถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่เจาะเข้าที่ส่วนบนของหูขวา ผมรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะผมได้ยินเสียงวี้ด เสียงปืน และรู้สึกได้ทันทีว่ากระสุนเจาะผ่านผิวหนัง มีเลือดออกมาก ผมจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอพระเจ้าอวยพรอเมริกา”
ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา
สตีเวน เช็ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “อดีตประธานาธิบดีสบายดีและกำลังเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาลในพื้นที่”
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 7 นาทีท่ามกลางเวทีปราศรัยในเมืองบัตเลอร์ ทางตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ในขณะที่เกิดเหตุซุ่มยิงขึ้นมีผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคนฟังทรัมป์ปราศรัย และถ่ายทอดสดจากช่องข่าวต่างๆ
“ผมอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ (USSS) และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทุกคนที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ซุ่มยิงที่เกิดขึ้นในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนียได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุด ผมอยากแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และครอบครัวของอีกคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
ทรัมป์เขียนโพสต์

เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ (United States Secret Service / USSS) ระบุในแถลงการณ์ว่า เหตุการณ์ซุ่มยิงดังกล่าวเป็นความพยายามลอบสังหารแต่ยังไม่พบแรงจูงใจในการก่อเหตุ มือปืนเป็นชายชาวเพนซิลเวเนียวัย 20 ปีถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตแล้ว และพบว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุม 1 รายเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย
พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตออกมาประณามความรุนแรงดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันทีมงานหาเสียงของทรัมป์ก็บอกว่า “ทรัมป์สบายดี” ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ไม่มีพื้นที่สำหรับความรุนแรงประเภทนี้ในอเมริกา เราต้องสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประณามการกระทำดังกล่าว”
อย่างไรก็ดี การลอบยิงดังกล่าวทำให้เกิดคำถามขึ้นทันทีเกี่ยวกับความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัยของหน่วย USSS ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การคุ้มครองบรรดาอดีตประธานาธิบดีตลอดชีพ รวมถึงทรัมป์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นการลอบยิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือแคนดิเดตจากพรรคใหญ่ครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จากพรรครีพับลิกันเมื่อปี 1981
พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า...
รอน มูส ผู้สนับสนุนทรัมป์ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุเล่าว่า เขาได้ยินเสียงปืนประมาณ 4 นัด “ผมเห็นฝูงชนก้มลง แล้วทรัมป์ก็ก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วย USSS ก็กระโดดขึ้นมาคุ้มครองเขาอย่างรวดเร็ว...”
สำนักข่าว BBC สัมภาษณ์ชายคนหนึ่งซึ่งระบุว่าตัวเองเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ โดยบอกว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งถือปืนไรเฟิลคลานขึ้นไปบนหลังคาใกล้กับที่เกิดเหตุ ในตอนนั้นเขาและคนอื่นๆ ต่างเริ่มชี้ไปที่ชายคนดังกล่าวเพื่อพยายามแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย