ทาสรัก ‘ปลาดิบ’ ยังกินได้อยู่มั้ย ถ้า ‘ญี่ปุ่น’ ปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล!?

7 ก.ค. 2566 - 08:53

  • จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แผนงานของ ‘ญี่ปุ่น’ ในการปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่ท้องทะเลกว่า 1.3 ล้านตัน

  • สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลไปทั่วในหมู่คนรักปลาดิบ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากปลาญี่ปุ่นว่าต่อจากนี้เราจะสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจหรือไม่

dont-freak-out-over-fukushima-fish-SPACEBAR-Hero
จากกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แผนงานของ ‘ญี่ปุ่น’ ในการปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่ท้องทะเลกว่า 1.3 ล้านตัน ทำให้เกิดความกังวลไปทั่วในหมู่คนรักปลาดิบ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากปลาญี่ปุ่นว่าต่อจากนี้เราจะรับประทานได้อย่างสบายใจหรือไม่


วันนี้เราจะมาเล่ากรณีที่เคยเกิดขึ้นคล้ายๆ กันในญี่ปุ่นให้ฟัง

ย้อนกลับไปในปี 2011 ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามการแผ่รังสีในปลาทูน่าครีบน้ำเงิน หลังจากสึนามิทำให้โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดจิพังทลาย ทำเอาชาวอเมริกันหวาดกลัวผลกระทบต่อสุขภาพหากกินปลาที่นำเข้าจากญี่ปุ่น 
 
“ความกลัวเกี่ยวกับกัมมันตรังสีในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักเป็นมรดกตกทอดมาจากกิจกรรมในยุคสงครามเย็น และความไม่ไว้วางใจจากหน่วยงานของรัฐและวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้เกิดการรับรู้ถึงความเสี่ยงของสาธารณชนซึ่งไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่แท้จริง” นิโคลัส ฟิชเชอร์ นักชีวธรณีเคมีทางทะเล ในนิวยอร์กกล่าว 
 
ฟิชเชอร์และทีมงานได้วิเคราะห์การตรวจวัดกัมมันตรังสีซีเซียมจากฟุกุชิมะในปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่จับได้นอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียเพื่อประเมินปริมาณกัมมันตรังสีที่คนเราอาจได้รับจากการรับประทานปลาทูน่า  
 
พวกเขารายงานออกมาว่า ปลาทูน่าครีบน้ำเงินแปซิฟิกขนาด 7 ออนซ์ที่เสิร์ฟในร้านอาหาร มีการปนเปื้อนซีเซียมในระดับ 7.7 นาโนซีเวิร์ต หรือประมาณ 5% ของปริมาณรังสี  
 
ขณะที่มีการสมมติการบริโภคของชาวประมงขึ้นมาที่บริโภคปลามากเป็น 5 เท่าของชาวอเมริกันโดยเฉลี่ย จะได้รับปริมาณประมาณ 2.8 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียง 4.7 ไมโครซีเวิร์ตเท่านั้นที่มาจากซีเซียมจากฟุกุชิมะ ซึ่งนั่นเป็นปริมาณรังสีที่เท่ากับที่คนๆ หนึ่งได้รับเมื่อทำการเอ็กซ์เรย์ฟัน ความน่าจะเป็นที่เพิ่มขึ้นในการเกิดมะเร็งร้ายแรงสำหรับชาวประมงคือ 0.00002% เท่านั้น 
 
มีการปนเปื้อนในปลาในน่านน้ำของญี่ปุ่นในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มปลาที่อาศัยอยู่ก้นทะเล และผลกระทบต่อสุขภาพของปริมาณรังสีที่ต่ำมากยังไม่เป็นที่เข้าใจกัน ถึงกระนั้น ทีมนักวิจัยก็ยังกล่าวว่า มีความกังวลเพียงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงการแผ่รังสีที่ฟุกุชิมะและการรับประทานปลาจากสหรัฐฯ  
  
“การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าปริมาณรังสีที่มีประสิทธิผลที่มนุษย์ได้รับจากการบริโภคเฉลี่ยต่อปีของปลาทูน่าครีบน้ำเงินแปซิฟิกที่ปนเปื้อนจากอุบัติเหตุที่ฟุกุชิมะนั้นเทียบได้กับหรือน้อยกว่าปริมาณที่เราได้รับเป็นประจำจากสารกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด ทางการแพทย์ การรักษา การเดินทางทางอากาศ และแหล่งอื่นๆ” ฟิชเชอร์เขียน

ผลกระทบทางทะเล  

จากการศึกษาในปี 2021 แสดงให้เห็นว่า การกินปลาจากจุดปล่อยน้ำเสียนั้นมีปริมาณรังสีไอโซโทป 0.02 ไมโครซีเวิร์ต ซึ่งมีปริมาณน้อยกว่ากล้วยซึ่งมีถึง 0.1 ไมโครซีเวิร์ต  
  
สำหรับปลาที่อยู่ห่างจากทางออก 20 กม. ปริมาณรังสีจะลดลง 100 เท่า ซึ่งเป็นค่าศูนย์เมื่อเทียบกับการแผ่รังสีพื้นหลังตามธรรมชาติ ซึ่งปริมาณรังสีโดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 1,500 ถึง 3,500 ไมโครซีเวิร์ตต่อปี 
  
การศึกษายังพิจารณาชีวิตสัตว์ทะเล ดูพันธุ์ปลา การตกตะกอน ความเข้มข้นทางชีวภาพ และทริเทียมอินทรีย์ เรื่องราวก็เหมือนกับผู้คนโดยไม่มีผลกระทบ ปริมาณรังสีสูงสุดในทะเลใกล้ทางออกคือ 7 ไมโครเกรย์ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่มีผลประมาณ 90,000 ไมโครเกรย์ต่อปีมากกว่า 10,000 เท่า 

สรุปแล้วเรายังคงกินปลาได้อย่างสบายใจเหมือนเดิม สายปลาส้มปลาดิบปลาทะเลทั้งหลายสบายใจได้ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์