พ่อค้ายาเสพติดชาวอังกฤษบอกเล่าประสบการณ์ ‘หลบหนีจากเรือนจำ’ ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดใน ‘ประเทศไทย’ อย่างเรือนจำคลองเปรม โดยใช้อุปกรณ์แค่ใบเลื่อยตัดเหล็ก ไม้ไผ่ และเทปพันสายไฟ เท่านั้น
เดวิด แมคมิลเลียน (David McMillian) ชาวอังกฤษ-ออสเตรเลีย นักโทษที่เผชิญโทษประหารชีวิต เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่แหกคุกเรือนจำคลองเปรมฯ ในกรุงเทพฯ ด้วยแผนการอันกล้าหาญ ซึ่งเรื่องราวการแหกคุกที่โหดยิ่งกว่าซีรีส์ดัง Prison Break เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ปี 1996 หรือราวๆ 27 ปีที่แล้ว และมันก็ ‘สำเร็จ’ ซะด้วย
แมคมิลเลียน ในวัย 67 ปี มี ‘เพื่อน’ ที่ส่งของผ่านเจ้าหน้าที่ โดยส่งใบเลื่อยตัดโลหะ 4 เล่ม ซึ่งซ่อนอยู่ในบุหรี่ เขาค่อยๆ เลื่อยตัดลูกกรงในห้องขังของเขาโดยทำเสียงรบกวนน้อยที่สุด ก่อนที่จะมีเพื่อนคนหนึ่ง (นักโทษ) ช่วยจับลูกกรงนั่นไว้ ทำให้เขาสามารถออกมาได้
แมคมิลเลียนออกจากห้องขังและลงสู่พื้นดินด้วยสายรัดไนลอน ก่อนที่จะใช้บันไดที่ทำจากไม้ไผ่ เทปพันสายไฟ ปีนข้ามกำแพงสูง เมื่อปีนข้ามไปแล้วเขาหยิบ ‘ร่ม’ มาบังหน้า และเดินลอดใต้ป้อมยามจากนั้นจึงนั่งแท็กซี่ไปสนามบิน
ที่สนามบินแมคมิลเลียนจะได้รับหนังสือเดินทางจากเพื่อนที่ทิ้งไว้ให้ และหลบหนีไปยังสิงคโปร์ และปากีสถาน ซึ่งเพื่อนที่ว่านี้จะคอยดูแลเขาให้ปลอดภัย พร้อมกับจัดทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ให้เขา เขากลับมาลอนดอนในปี 1999 และได้พูดคุยกับบ MailOnline ในซีรีส์ ‘My Story’ โดยมีคอนเซปต์เป็นผู้คนพร้อมเรื่องราวชีวิตที่ไม่ธรรมดา
จุดเริ่มต้นของอาชญากร
ชีวิตของแมคมิลเลียนเริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชญากรหลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นมาอย่างปกติดี เขาเคยทำงานเป็นตากล้องให้กับบริษัทโฆษณา และโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เขาได้พบกับ ‘ครอบครัวอาชญากร’
เขาให้สัมภาษณ์กับ MailOnline ว่า พวกเขาเคยเป็นผู้ร้ายที่ทำการปล้น และมีเงินมากพอที่จะลงทุน ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นว่าเหมาะสมที่สุดคือ ‘ยาเสพติด’ ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปพัวพันกับการค้ายาเสพติดในทศวรรษ 1970 และมีเครือข่ายลักลอบขนยาระหว่างประเทศทั้งในอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย และโอเชียเนีย
แมคมิลเลียนถูกจำคุกครั้งแรกเป็นเวลา 11 ปี ที่เรือนจำเพนทริดจ์ในเมลเบิร์นในปี 1982 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด ในระหว่างนั้นเขาคือผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ร้ายแรง ซึ่งทำให้มีนักโทษเสียชีวิต 6 ราย
ในปี 1993 ขณะที่ยังถูกทัณฑ์บนในประเทศออสเตรเลีย เขาหลบหนีมาประเทศไทยเพื่อรวบรวมเงินที่เขาเก็บไว้ที่ไทย แต่ดันถูกจับได้ก่อนขึ้นเครื่องเที่ยวบินขาออกที่สนามบินในกรุงเทพฯ และถูกจับกุม เขาถูกพบว่าใช้หนังสือเดินทางปลอม และยาเสพติดผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้เขาต้องโทษสูงสุดนั่นคือประหารชีวิต
หลังจากที่ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำคลองเปรมฯ ได้ 2 ปี เขาก็ได้รับการบอกกล่าวว่ามีความผิดในข้อหาค้ายาเสพติดและจะถูกประหารชีวิตด้วยการใช้ปืนยิงภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ทำให้เขาตัดสินใจ ‘แหกคุก’
แมคมิลเลียนบอกเล่าถึงสภาพของคุกที่น่าสลดใจ เขาถูกคุมขังในห้องขังพร้อมนักโทษราว 200 คน ทั้งๆ ที่ห้องขังนี้ถูกสร้างมาสำหรับคน 16 คนเท่านั้น เหล่านักโทษนอนอยู่ที่พื้นประกบกันเหมือนกับ ‘ปลาซาร์ดีน’ และหลายคนถูกล่ามโซ่ และเผชิญกับโทษประหารเช่นเดียวกันกับเขา
เมื่อพูดถึงสาเหตุที่เขาถูกจำคุก
“พวกเขาพบเฮโรอีน 20 กรัม ที่ไหนสักแห่งในสนามบิน ซึ่งถ้ามันเป็นของผมจริงมันคงจะมีมากกว่านี้เยอะ” แมคมิลเลียนกล่าว พร้อมเสริมว่า การหลบหนีออกจากเรือนจำไทยน่าจะเป็นค่ำคืนที่ยาวนานที่สุด และเหนื่อยที่สุดในชีวิตของเขา
“ผมให้ไมเคิล ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของผมส่งแพ็คเกจการดูแลที่มีใบเลื่อยตัดโลหะ 4 ใบซ่อนอยู่ในนั้น ..มีบุหรี่ที่ผมให้กับเจ้าหน้าที่ และก็หนังโป๊เพื่อดึงดูดความสนใจ” แมคมิลเลียนกล่าว
“ผมใช้ใบเลื่อยตัดโลหะและเริ่มตัดหลังเที่ยงคืน ผมสามารถรอดผ่านกรงไปได้ด้วยการตัดเหล็กเพียงแท่งเดียวว” แมคมิลเลียนกล่าว
แมคมิลเลียน กล่าวว่า ตอนที่ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กจะต้องทำอย่างช้าๆ เพราะมันจะเกิดเสียงดังมาก เขาใช้เวลาในการตัดเหล็ก 2 ชั่วโมง และ ‘เมื่อถึงเวลาหลบหนีจงอย่าลังเลกับทุกโอกาสที่เข้ามาหา’
“สเตน เพื่อนนักโทษชาวสวีเดนตัวใหญ่ยักษ์ ช่วยยึดเหล็กนั่นไว้เพื่อให้มีช่องว่างราวๆ 6 นิ้วให้รอดผ่านและออกมาจากห้องขังได้ จากนั้นผมลงไปยังพื้นดินด้วยสายรัดไนลอนที่ผมได้มาจากโรงงานแห่งหนึ่ง ตอนที่ผมสำรวจไปรอบๆ กำแพงสูงกับสายไฟที่อยู่ด้านบน และมีบันไดที่เขาทำจากไม้ไผ่พาดผ่านไป” แมคมิลเลียนกล่าว
แมคมิลเลียนเล่าว่า เขาปีนข้ามกำแพงนั้นมาพร้อมกับหยิบร่มขึ้นมาบดบังใบหน้าของเขาและเดินผ่านใต้หอคอยยาม จากนั้นเขาเรียกแท็กซี่ 2 – 3 คัน ไปที่สนามบินพร้อมกับหนังสือเดินทางที่ถูกซ่อนอย่างระมัดระวัง และเดินทางหลบหนีไปยังปากีสถานเพื่อไปหาเพื่อนสมัยทศวรรษ 1970
“ที่จริงผมมีทางเลือกไม่มากนัก ผมติดหนี้บุญคุณมากมายจากการหลบหนีออกจากเรือนจำไทย และรอดพ้นจากการถูกประหารชีวิต”แมคมิลเลียนกล่าว
หลังจากที่อยู่ในปากีสถานเขาก็เคยโดนจับเรื่องยาเสพติดด้วย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 3 ปี (ทั้งในและนอกคุก) เขาก็เดินทางกลับลอนดอนในปี 1999 และอาศัยอยู่ที่นั่น
จนในปี 2012 เขาถูกจับกุมที่เมืองออร์พิงตัน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน ฐานครอบครองเฮโรอีน 35 กรัม แมคมิลเลียนปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่คณะลูกขุนตัดสินว่าเขามีความผิด และเขาถูกจำคุกเป็นเวลา 6 ปี แต่ได้รับการปล่อยตัวในปี 2014
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลไทยเริ่มส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเขาถูกควบคุมตัวที่ HMP Wandsworth ในลอนดอน แต่ในเดือนกันยายน 2016 เขาได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการตัดสินประหารชีวิตได้สิ้นสุดลงแล้ว
การเอาชีวิตรอดในตลาดยาเสพติด
“ลูกค้าของผมเป็นมิจฉาชีพกันหมดนั่นแหละ และแน่นอนว่าความเป็นอยู่ที่ดีของผมเป็นสิ่งสำคัญ ความเป็นอยู่ของผมมันส่งผลถึงการทำธุรกิจของพวกเขา ดังนั้นใครก็ตามที่จะโจมตีผม พวกเขาจะถูกลูกค้าของผมจัดการทันที ดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในตลาดยาเสพติดที่แสนจะอันตรายนี้” แมคมิลเลียนกล่าว