เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์เดนมาร์กขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ‘เฟรดอริกที่ 10’ สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเกรเธอที่ 2 พระราชมารดา เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ท่ามกลางชาวเดนมาร์กที่เข้าร่วมพิธีหลายแสนคน
กษัตริย์เฟรดอริกที่ 10 มีราชินีข้างกายที่อภิเษกสมรสมาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว นั่นก็คือ ‘เจ้าหญิงแมรี’ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาร่วมกัน 4 องค์ ได้แก่ เจ้าชายคริสเตียน วัย 18 ชันษา เจ้าหญิงอิซาเบลลา วัย 16 ชันษา และฝาแฝดเจ้าชายวินเซนต์และเจ้าหญิงโจเซฟีนในวัย 13 ชันษา
และนี่คือทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับควีนแมรี ราชินีองค์ใหม่แห่งราชวงศ์เดนมาร์ก
- ชีวิตวัยเด็ก-การศึกษา-การงาน
ควีนแมรี หรือพระนามเดิม ‘แมรี เอลิซาเบธ โดนัลด์สัน’ ประสูติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1972 เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูก 4 คนของพ่อแม่ชาวสก็อต เฮนเรียตตา และจอห์น ดัลเกิลช โดนัลด์สัน มารดาของควีนแมรีเป็นผู้ช่วยผู้บริหารรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย ในขณะที่บิดาเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ ในเวลาต่อมามารดาเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดหัวใจในเดือนพฤศจิกายน 1997 ในปี 2001 บิดาจึงแต่งงานใหม่กับ ซูซาน เอลิซาเบธ โดนัลด์สัน นักประพันธ์ชาวอังกฤษ
ตั้งแต่ปี 1990-1994 ควีนแมรีเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแทสเมเนีย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาพาณิชยศาสตร์และนิติศาสตรบัณฑิต จากนั้นได้ประกาศนียบัตรด้านการโฆษณา และการตลาดโดยตรง
หลังจากจบการศึกษาควีนแมรีทำงานให้กับเอเจนซี่โฆษณาในออสเตรเลียและระดับโลกหลายแห่ง แต่หลังจากพระมารดาเสียชีวิต พระองค์ก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองเอดินบะระ สกอตแลนด์ และเริ่มทำงานเป็นผู้จัดการบัญชีในบริษัท ‘Rapp Collins Worldwide’ หลังจากนั้นไม่นานควีนแมรีก็ย้ายกลับมาทำงานบัญชีในออสเตรเลีย
- พบรักกับเจ้าชายเฟรเดอริก
คิงเฟรเดอริกและควีนแมรีพบกันครั้งแรกที่ผับแห่งหนึ่งในซิดนีย์เมื่อปี 2000 ซึ่งคิงเฟรเดอริกทรงเสด็จเยือนพร้อมกับเจ้าชายโจอาคิม พระอนุชาและสมาชิกคนอื่นๆ โดยมีรายงานว่าทั้งคู่ได้รับการแนะนำผ่านเพื่อน หลังจากพบกันครั้งแรก ทั้งคู่ก็เริ่มสานสัมพันธ์ระยะไกลและคิงเฟรเดอริกก็เดินทางมาออสเตรเลียอย่างรอบคอบ และรอดพ้นจากข่าวกอสซิปได้ระยะหนึ่ง จนกระทั่ง ‘Billed Bladet’ นิตยสารรายสัปดาห์ของเดนมาร์กได้พาดหัวว่า ‘แมรีเป็นแฟนสาวของเจ้าชายเฟรเดอริก’
เดือนตุลาคม 2003 ทั้งคู่ได้หมั้นกันอย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานว่าแหวนหมั้นนั้นมีเพชรเจียระไนมรกต 1.5 กะรัต และทับทิมเจียระไนมรกต 2 ชิ้นเป็นสีธงชาติเดนมาร์ก จากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกันในวันที่ 14 พฤษภาคม 2004 ซึ่งควีนแมรีได้รับพระราชทานยศเป็น ‘มกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก’ ซึ่งงานนี้ยังได้รับการเฉลิมฉลองจากสาธารณชนว่าเป็นการรวมตัวกันของ ‘เทพนิยาย’ ระหว่างสมาชิกราชวงศ์และสามัญชนอีกด้วย
- พระราชกรณียกิจอันเลื่องชื่อ

ควีนแมรีเป็นตัวอย่างของราชวงศ์พระองค์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำพระราชกรณียกิจมาก พระองค์เป็นทั้งกระบอกเสียงที่สนับสนุนประเด็นทางสังคมหลายประการ รวมถึงการมีส่วนร่วมในแคมเปญต่อต้านการบูลลี่ การสนับสนุนผู้อพยพ และการสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+
ในเดือนกันยายน 2007 พระองค์ได้ก่อตั้งองค์กรการกุศลชื่อว่า ‘The Mary Foundation’ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การต่อต้านการบูลลี่ การสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว และการต่อสู้กับความโดดเดี่ยว
\-กระบอกเสียงสำคัญเคารพสิทธิ ‘LGBTQ+’-
ควีนแมรีได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสิทธิ LGBTQ+ เนื่องในวันต่อต้านการเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกันและคนข้ามเพศสากลปี 2016 ในเมืองโคเปนเฮเกนด้วยการเรียกร้องให้ ‘ยุติการเลือกปฏิบัติ การกดขี่ และความรุนแรงต่อผู้คนโดยอิงจากรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ’ และในปี 2018 พระองค์ก็ได้กล่าวปราศรัยเกี่ยวกับสิทธิ LGBTQ+ อีกครั้งที่รัฐสภาแห่งสภายุโรป
ในปีเดียวกันนั้นเอง ควีนแมรีก็กลายเป็นสมาชิกราชวงศ์คนแรกที่เข้าร่วมงาน ‘Danish Rainbow Awards’ ซึ่งเป็นพิธีมอบรางวัลประจำปีที่จัดโดย ‘Rainbow Business Danish’ เพื่อเชิดชูบุคคลและองค์กรที่กำลังสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับสังคม LGBTQ+
จากนั้นควีนแมรีก็เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลครั้งต่อๆ ไปในปี 2019 และ 2020 ซึ่งในปี 2021 พระองค์ได้ทำหน้าที่เป็นผู้อุปถัมภ์ ‘WorldPride Copenhagen’ ที่ดำเนินภารกิจต่างๆ มากมาย
\-เป็นที่เลื่องลือในวงการแฟชั่น-

ควีนแมรีไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับองค์กรการกุศลและองค์กรต่างๆ มากมายเท่านั้น แต่พระองค์ยังได้รับการยอมรับหลายครั้งว่าเป็น ‘หนึ่งในบุคคลที่ทันสมัยที่สุดในโลก’
ควีนแมรีเป็นที่ยอมรับในด้านแฟชั่นและสไตล์จากนิตยสาร ‘Vanity Fair’ ในปี 2010 ซึ่งได้รับการเสนอชื่อสำหรับเครื่องแต่งกายที่ดีที่สุดระดับนานาชาติ และยังปรากฏตัวในนิตยสารแฟชั่นหลายฉบับ รวมถึง ‘Vogue Australia’ และ ‘German Vogue’ ด้วย
Photo by Jonathan NACKSTRAND / AFP