** คำเตือน: เนื้อหาและภาพประกอบมีความรุนแรง
จากภาพ ‘ทะเลแดง’ ที่เราได้เห็นกันนี้ ถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันพุธ (14 มิ.ย.) ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีเรือหรูจำนวนหนึ่งจอดอยู่รอบๆ เกาะที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงที่กระจายอยู่ริมชายฝั่ง ซึ่งนั่นไม่ใช่แสงที่ของพระอาทิตย์ที่ตกกระทบน้ำ แต่มันคือ ‘เลือด’
ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายภาพนี้ ชาวเกาะแฟโร (Faroe) ได้ฆ่าโลมาหลายร้อยตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประเพณี Grindadráp หรือ Grind เรียกง่ายๆ ว่าเป็นพิธีล่าวาฬ หรือล่าโลมานั่นเอง ซึ่งเป็นประเพณีที่มีการปฏิบัติต่อกันมานับ 1,000 ปีแล้ว
ในแต่ละปี วาฬนำร่องครีบยาวเฉลี่ยประมาณ 700 ตัว และโลมาขาวแอตแลนติกหลายร้อยตัว จะถูกฆ่าตายในทุกฤดูการล่า หรือในช่วงฤดูร้อน
จากภาพ ‘ทะเลแดง’ ที่เราได้เห็นกันนี้ ถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันพุธ (14 มิ.ย.) ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีเรือหรูจำนวนหนึ่งจอดอยู่รอบๆ เกาะที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงที่กระจายอยู่ริมชายฝั่ง ซึ่งนั่นไม่ใช่แสงที่ของพระอาทิตย์ที่ตกกระทบน้ำ แต่มันคือ ‘เลือด’
ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายภาพนี้ ชาวเกาะแฟโร (Faroe) ได้ฆ่าโลมาหลายร้อยตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประเพณี Grindadráp หรือ Grind เรียกง่ายๆ ว่าเป็นพิธีล่าวาฬ หรือล่าโลมานั่นเอง ซึ่งเป็นประเพณีที่มีการปฏิบัติต่อกันมานับ 1,000 ปีแล้ว
พิธีล่าวาฬ - โลมา วัฒนธรรมหรือทารุณกรรม?
การล่าวาฬในหมู่เกาะแฟโร หรือคำว่า grindhvalur (จากศัพท์ภาษาแฟโร ซึ่งแปลว่า วาฬนำร่อง และ dráp แปลว่า การฆ่า) เป็นการล่าวาฬประเภทหนึ่ง ที่จะต้องทำการต้อนฝูงวาฬและโลมาหลากหลายสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่เป็นวาฬนำร่องเข้าไปในอ่าวน้ำตื้น ทำให้พวกมันเกยตื้น จากนั้นจึงลงมือฆ่าและชำแหละในแต่ละปี วาฬนำร่องครีบยาวเฉลี่ยประมาณ 700 ตัว และโลมาขาวแอตแลนติกหลายร้อยตัว จะถูกฆ่าตายในทุกฤดูการล่า หรือในช่วงฤดูร้อน

การปฏิบัตินี้มีขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และชาวเกาะแฟโรจำนวนมากถือว่า ‘การกินวาฬ’ เป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ตั้งแต่ปี 1948 เป็นต้นมา การล่าสัตว์ดังกล่าวได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานของแฟโร โดยกำหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องได้รับการฝึกอบรม ใช้เรือและมีการสื่อสารที่ทันสมัย อีกทั้งยังได้รับการดูแลโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
การล่าอยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นพิษของเนื้อวาฬ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ ขณะที่ในระดับนานาชาติ กลุ่มสิทธิสัตว์ซึ่งมองว่าการล่าสัตว์โหดร้ายและไม่จำเป็น ได้พุ่งเป้าไปที่การประท้วง การคว่ำบาตร และการแทรกแซงอยู่เป็นครั้งคราว
“พวกเขายังคงดึงศพ (สัตว์) ขึ้นมาเชือด ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 แล้วในเลย์นาร์ (Leynar - หมู่บ้านในหมู่เกาะแฟโร)” วาเลนตินา เครสต์ นักรณรงค์ชาวเดนมาร์กบอกกับ Yahoo News Australia
ภาพถ่ายอีกชุดที่ถ่ายโดย Sea Shepherd UK แสดงให้เห็นซากสัตว์หลายสิบตัวเรียงรายอยู่บนชายฝั่งโดยมีเครื่องในของพวกมันทะลักออกมา แม้ว่าพวกมันจะรู้จักกันในนามของวาฬนำร่อง แต่จริงๆ แล้วพวกมันเป็นหนึ่งในสมาชิกของสัตว์ตระกูลโลมาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การล่าอยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นพิษของเนื้อวาฬ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ ขณะที่ในระดับนานาชาติ กลุ่มสิทธิสัตว์ซึ่งมองว่าการล่าสัตว์โหดร้ายและไม่จำเป็น ได้พุ่งเป้าไปที่การประท้วง การคว่ำบาตร และการแทรกแซงอยู่เป็นครั้งคราว
“พวกเขายังคงดึงศพ (สัตว์) ขึ้นมาเชือด ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 แล้วในเลย์นาร์ (Leynar - หมู่บ้านในหมู่เกาะแฟโร)” วาเลนตินา เครสต์ นักรณรงค์ชาวเดนมาร์กบอกกับ Yahoo News Australia
ภาพถ่ายอีกชุดที่ถ่ายโดย Sea Shepherd UK แสดงให้เห็นซากสัตว์หลายสิบตัวเรียงรายอยู่บนชายฝั่งโดยมีเครื่องในของพวกมันทะลักออกมา แม้ว่าพวกมันจะรู้จักกันในนามของวาฬนำร่อง แต่จริงๆ แล้วพวกมันเป็นหนึ่งในสมาชิกของสัตว์ตระกูลโลมาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แม้ว่าจำนวนสัตว์ที่ต้องสูญเสียชีวิตในครั้งนี้จะมีจำนวนมากแล้ว แต่ในปี 2021 ที่ผ่านมา ชาวแฟโรได้สังหารโลมาหน้าขาวจำนวนกว่า 1428 ตัว ต่อหน้าเด็กๆ และเยาวชน สิ่งนี้จึงกระตุ้นให้ทั่วโลกหันมาประณามและเรียกร้องให้มีการยุติการล่า
ทุกๆ ปี เรือจะต้อนฝูงปลาโลมา และวาฬแล่นผ่านเกาะไปยังฝั่ง จากนั้นผู้ชายกลุ่มใหญ่จะขับเรือเข้าไปยังบริเวณที่ต้อนสัตว์เข้ามา และปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาโต้แย้งกันมาเสมอว่าเป็นการปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่มีมานับหลายร้อยปี
ขณะที่กลุ่มสวัสดิภาพสัตว์เรียกร้องให้มีการห้ามการล่าสัตว์ แต่ในเดือนพฤษภาคม นักวิจัยเกี่ยวกับวาฬในหมู่เกาะแฟโรบอกกับ Yahoo News ว่า แคมเปญเหล่านี้มีแต่จะเสริมสร้างความตั้งใจของคนในท้องถิ่นในการสืบสานประเพณีของพวกเขา
ทางด้านนักรณรงค์เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเอง ก็ได้สั่งห้ามการล่าสัตว์ โดยกล่าวว่า การทารุณกรรมสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ชาวบ้านก็ยืนยันว่า การปฏิบัติดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการรวบรวมอาหารของชุมชนเท่านั้น
ทุกๆ ปี เรือจะต้อนฝูงปลาโลมา และวาฬแล่นผ่านเกาะไปยังฝั่ง จากนั้นผู้ชายกลุ่มใหญ่จะขับเรือเข้าไปยังบริเวณที่ต้อนสัตว์เข้ามา และปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาโต้แย้งกันมาเสมอว่าเป็นการปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่มีมานับหลายร้อยปี
ขณะที่กลุ่มสวัสดิภาพสัตว์เรียกร้องให้มีการห้ามการล่าสัตว์ แต่ในเดือนพฤษภาคม นักวิจัยเกี่ยวกับวาฬในหมู่เกาะแฟโรบอกกับ Yahoo News ว่า แคมเปญเหล่านี้มีแต่จะเสริมสร้างความตั้งใจของคนในท้องถิ่นในการสืบสานประเพณีของพวกเขา
ทางด้านนักรณรงค์เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเอง ก็ได้สั่งห้ามการล่าสัตว์ โดยกล่าวว่า การทารุณกรรมสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ชาวบ้านก็ยืนยันว่า การปฏิบัติดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการรวบรวมอาหารของชุมชนเท่านั้น