พื้นที่รอบกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนเจอฝนตกน้ำท่วมหนักจนคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 20 ราย และสูญหายอีก 27 ราย นอกจากนี้ถนนยังถูกทำลาย ต้นไม้ถูกถอนรากถอนโคน และไฟฟ้าดับด้วย กรมอุตุนิยมวิทยาของปักกิ่งกล่าวว่า ฝนมรณะที่ถล่มเมืองหลวงของจีนในช่วงไม่กี่วันมานี้ซึ่งถือว่าหนักที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกเมื่อ 140 ปีก่อน
ขณะที่ผู้คนหลายพันคนถูกอพยพไปยังที่พักพิงในโรงเรียนและอาคารสาธารณะอื่นๆ ในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง และในเมืองใกล้เคียงอย่างเทียนจินและจัวโจว
ความรุนแรงของน้ำท่วมทำให้ชาวจีนประหลาดใจอย่างยิ่ง เนื่องจากปักกิ่งมักจะมีฤดูร้อนที่แห้งแล้ง แต่ปีนี้กลับมีอากาศร้อนจนทำลายสถิติ ประกอบกับพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนก็ประสบอุทกภัยในฤดูร้อนที่รุนแรงผิดปกติ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนอื่นๆ ของประเทศก็กำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งด้วยเช่นกัน
“รถยนต์ที่จอดอยู่บนถนนลอยน้ำและถูกน้ำพัดหายไป รถ 2-3 คันที่จอดอยู่หลังอพาร์ตเมนต์ของผมหายไปในเวลาเพียง 1 นาที” หลิว ชวนเป่า ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว
“ทั้งเจ้าหน้าที่และคนทั่วไปไม่คิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ มีดินถล่มและน้ำท่วมหมู่บ้านจำนวนมาก ผมร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นรายงานเหตุการณ์เหล่านี้” อู๋ฉางโป ชาวเมืองเหมินโถวโกวกล่าว
สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 11 รายในกรุงปักกิ่ง อีก 9 รายในมณฑลเหอเป่ย และทางการกำลังตามหาผู้สูญหาย 27 ราย ขณะที่ไฟฟ้าที่จ่ายให้กับบ้านเรือนราว 60,000 หลังในเขตฟางซานของเมืองหลวงดับลง
นอกจากนี้ ประชาชนราว 125,000 คนในเมืองจัวโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปักกิ่ง และในพื้นที่เสี่ยงก็ถูกย้ายไปยังศูนย์พักพิง ส่วนรัฐบาลเมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตะวันออกของกรุงปักกิ่งระบุว่า ประชาชน 35,000 คนถูกอพยพออกจากบริเวณใกล้กับแม่น้ำหย่งติ้งที่เอ่อล้น ขณะที่ประชาชนประมาณ 42,000 คนก็ถูกอพยพออกจากพื้นที่ของมณฑลชานซีไปยังทางตะวันตกของเหอเป่ย
ด้านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ออกคำสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่และเพื่อให้ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินให้เหลือน้อยที่สุด
ทั้งนี้ หน่วยงานสภาพอากาศของมณฑลเหอเป่ย์ระบุว่ามีฝนตกมากถึง 500 มิลลิเมตรในบางพื้นที่ตั้งแต่วันเสาร์ (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา บางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 90 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แม่น้ำ 13 สายยังเกินระดับเตือนภัยในแอ่งไห่เหอ ซึ่งรวมถึงปักกิ่ง เทียนจิน และฉือเจียจวง
อย่างไรก็ดี อุทกภัยครั้งร้ายแรงและทำลายล้างที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีนนั้นเกิดขึ้นในปี 1998 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4,150 รายและส่วนใหญ่อยู่ริมแม่น้ำแยงซีเกียง
ขณะที่ผู้คนหลายพันคนถูกอพยพไปยังที่พักพิงในโรงเรียนและอาคารสาธารณะอื่นๆ ในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง และในเมืองใกล้เคียงอย่างเทียนจินและจัวโจว
ความรุนแรงของน้ำท่วมทำให้ชาวจีนประหลาดใจอย่างยิ่ง เนื่องจากปักกิ่งมักจะมีฤดูร้อนที่แห้งแล้ง แต่ปีนี้กลับมีอากาศร้อนจนทำลายสถิติ ประกอบกับพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนก็ประสบอุทกภัยในฤดูร้อนที่รุนแรงผิดปกติ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนอื่นๆ ของประเทศก็กำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งด้วยเช่นกัน
“รถยนต์ที่จอดอยู่บนถนนลอยน้ำและถูกน้ำพัดหายไป รถ 2-3 คันที่จอดอยู่หลังอพาร์ตเมนต์ของผมหายไปในเวลาเพียง 1 นาที” หลิว ชวนเป่า ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว
“ทั้งเจ้าหน้าที่และคนทั่วไปไม่คิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ มีดินถล่มและน้ำท่วมหมู่บ้านจำนวนมาก ผมร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นรายงานเหตุการณ์เหล่านี้” อู๋ฉางโป ชาวเมืองเหมินโถวโกวกล่าว
สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 11 รายในกรุงปักกิ่ง อีก 9 รายในมณฑลเหอเป่ย และทางการกำลังตามหาผู้สูญหาย 27 ราย ขณะที่ไฟฟ้าที่จ่ายให้กับบ้านเรือนราว 60,000 หลังในเขตฟางซานของเมืองหลวงดับลง
นอกจากนี้ ประชาชนราว 125,000 คนในเมืองจัวโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปักกิ่ง และในพื้นที่เสี่ยงก็ถูกย้ายไปยังศูนย์พักพิง ส่วนรัฐบาลเมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตะวันออกของกรุงปักกิ่งระบุว่า ประชาชน 35,000 คนถูกอพยพออกจากบริเวณใกล้กับแม่น้ำหย่งติ้งที่เอ่อล้น ขณะที่ประชาชนประมาณ 42,000 คนก็ถูกอพยพออกจากพื้นที่ของมณฑลชานซีไปยังทางตะวันตกของเหอเป่ย
ด้านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ออกคำสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่และเพื่อให้ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินให้เหลือน้อยที่สุด
ทั้งนี้ หน่วยงานสภาพอากาศของมณฑลเหอเป่ย์ระบุว่ามีฝนตกมากถึง 500 มิลลิเมตรในบางพื้นที่ตั้งแต่วันเสาร์ (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา บางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 90 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แม่น้ำ 13 สายยังเกินระดับเตือนภัยในแอ่งไห่เหอ ซึ่งรวมถึงปักกิ่ง เทียนจิน และฉือเจียจวง
อย่างไรก็ดี อุทกภัยครั้งร้ายแรงและทำลายล้างที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีนนั้นเกิดขึ้นในปี 1998 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4,150 รายและส่วนใหญ่อยู่ริมแม่น้ำแยงซีเกียง
