สะเทือนอเมริกา! จับอดีตทูตสหรัฐฯ เป็น ‘สายลับ’ ให้คิวบามาตั้งแต่ปี 1981

6 ธันวาคม 2566 - 05:07

former-us-ambassador-charged-spying-cuba-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘วิกเตอร์ มานูเอล โรชา’ วัย 73 ปี อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ยอมรับข้อกล่าวหาว่าให้การช่วยเหลือคิวบาในฐานะ ‘สายลับ’ มาตั้งแต่ปี 1981 จนถึงปัจจุบัน

เมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดตั้งข้อกล่าวหาต่อ ‘วิกเตอร์ มานูเอล โรชา’ วัย 73 ปี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำโบลิเวียและสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติในข้อหาเป็นสายลับให้คิวบามานาน 40 ปี  

โรชา พลเมืองสหรัฐฯ ที่มีสัญชาติโดยกำเนิดมาจากโคลอมเบีย ถูกกล่าวหาว่าให้การช่วยเหลือคิวบาในฐานะ ‘สายลับ’ ของผู้อำนวยการข่าวกรองทั่วไปของคิวบาตั้งแต่ปี 1981 และดำเนินต่อไปจนถึงปัจจุบัน 

การ์แลนด์กล่าวว่า ผู้ที่รับราชการในรัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับความไว้วางใจจำนวนมหาศาลจากสาธารณชนที่เราให้บริการ การทรยศต่อความไว้วางใจนั้นด้วยการให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดี ขณะที่ก็รับใช้ประเทศอื่น ถือเป็นอาชญากรรมที่จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเต็มที่จากกระทรวงยุติธรรม 

ในปี 1981 โรชารับราชการในตำแหน่งต่างๆ ในคิวบา บัวโนสไอเรส เม็กซิโกซิตี้ สาธารณรัฐโดมินิกัน และสหรัฐฯ 

โรชา ดำรงตำแหน่งในสภาความมั่นคงแห่งชาติระหว่างปี 1994 - 1995 ในคณะบริหารของบิล คลินตัน (ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 42 ของสหรัฐฯ) และเป็นเอกอัครราชทูตประจำโบลิเวียระหว่างปี 2000 - 2002 ภายใต้การนำของคลินตันและจอร์จ ดับเบิลยู บุช  

“ตำแหน่งในรัฐบาลของเขาทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ รวมถึงข้อมูลที่เป็นความลับ และสามารถส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ” รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์

ข้อกล่าวหาต่อโรชา ได้แก่ การสมคบคิดเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลต่างประเทศ กระทำการเป็นตัวแทนของรัฐบาลต่างประเทศโดยไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อน และใช้หนังสือเดินทางสหรัฐฯ ที่ได้มาจากการให้ข้อมูลเท็จ โดยโรชายอมรับข้อกล่าวหาของเขาต่อเจ้าหน้าที่ FBI  

“ตลอดการประชุม โรชาทำตัวเป็นตัวแทนของคิวบา โดยเรียกสหรัฐฯ ว่าเป็น ‘ศัตรู’ อยู่เสมอ และใช้คำว่า ‘เรา’ เพื่ออธิบายตัวเองและคิวบา” กระทรวงยุติธรรมกล่าวพร้อมเสริมว่า โรชายกย่องฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบาผู้ล่วงลับไปแล้ว และกล่าวถึงงานของเขาสำหรับคิวบาว่าเป็น ‘แกรนด์สแลม’ (ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่)

“บุคคลที่ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมลับสำหรับรัฐต่างประเทศที่เป็นศัตรู โดยการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับกิจกรรมเหล่านั้นแก่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ให้สาบานว่าจะสนับสนุนรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ และสำหรับพลเมืองสหรัฐฯ ที่จะได้รับประโยชน์ เสรีภาพ และโอกาสจากประเทศนี้” มาร์เกนซี ลาพอยต์ อัยการของรัฐบาลกลางกล่าว 

Photo Uploaded by FBI

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์