ฝรั่งเศสออกกฎหมายห้ามคนวิจารณ์ ‘วัคซีน mRNA’

23 ก.พ. 2567 - 04:40

  • การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายใต้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง

  • ประเด็นนี้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับความสมดุลระหว่าง ‘มาตรการด้านสาธารณสุข’ และ ‘เสรีภาพส่วนบุคคล’

france-enacts-controversial-law-against-mrna-vaccine-critique-SPACEBAR-Hero.jpg

ฝรั่งเศสผ่านร่างกฎหมายใหม่ ‘Article Pfizer’ ที่ว่าด้วย ‘เสรีภาพในการพูด การรับทราบและยินยอมในด้านการแพทย์’ โดยกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการบรรยายทางการแพทย์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ ‘วัคซีน mRNA’ ซึ่งรวมถึงโทษจำคุกสูงสุด 3 ปีและค่าปรับสูงถึง 48,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านบาท)  

การเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายใต้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง จึงจุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับความสมดุลระหว่าง ‘มาตรการด้านสาธารณสุข’ และ ‘เสรีภาพส่วนบุคคล’

เสรีภาพการแสดงออกทางความคิดกำลังถูก ‘บั่นทอน’ ภายใต้มาตรการ ‘สาธารณสุข’ ในโลกตะวันตก? 

การนำ ‘Article Pfizer’ มาใช้ในกฎหมายฝรั่งเศส ไม่เพียงแต่จะแสดงถึงความผิดปกติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ที่น่ากังวลถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของบริษัทยาเหนือสถาบันประชาธิปไตยอีกด้วย นักวิจารณ์โต้แย้งว่าการเคลื่อนไหวนี้ถือเป็น ‘การกระทำผิดกฎหมาย’ ในแง่มุมสำคัญของเสรีภาพในการพูด โดยถือเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายในการปราบปรามเสียงที่ไม่เห็นด้วยในขอบเขตของวิทยาศาสตร์การแพทย์และนโยบายด้านสาธารณสุข  

อย่างไรก็ตาม ผู้เสนอกฎหมายก็ออกมาปกป้องกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการต่อสู้กับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและปกป้องสุขภาพของประชาชน ท่ามกลางการตั้งคำถามว่า ‘ประชาธิปไตยและสิทธิส่วนบุคคลต้องแลกมาด้วยอะไร?’ 

การปราบปรามทางกฎหมายต่อการวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนของฝรั่งเศสไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเดี่ยวๆ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่กว้างขึ้นและน่าหนักใจมากขึ้นที่พบในระบอบประชาธิปไตยตะวันตก โดยมีรายงานความพยายามที่คล้ายกันในการยับยั้งความขัดแย้งทางการแพทย์ในเยอรมนี ทำให้เกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับการพังทลายของหลักการประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานทั่วยุโรป

ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นประเด็นที่โลกตั้งคำถามระหว่าง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘เสรีภาพ’

france-enacts-controversial-law-against-mrna-vaccine-critique-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Photo by Sameer Al-DOUMY / AFP

รูปแบบของกฎหมายนี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการประสานงานระหว่างประเทศมหาอำนาจ ได้สะท้อนถึงช่วงเวลาที่มืดมนของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อมาตรการฉุกเฉินมักจะอยู่เหนือเสรีภาพส่วนบุคคล นอกจากนี้ บุคคลชั้นนำระดับโลก รวมถึงบุคคลผู้มีอิทธิพลอย่าง บิล เกตส์ ก็กำลังผลักดันแผนรับมือโรคระบาดทั่วโลกที่อาจรวมอำนาจการตัดสินใจด้านนโยบายสุขภาพไว้ที่ศูนย์กลาง ส่งผลให้อำนาจอธิปไตยของชาติและสิทธิส่วนบุคคลลดน้อยลงไปอีก 

ท่ามกลางข้อถกเถียงทางกฎหมายและการเมือง องค์ประกอบของมนุษย์ในเรื่องนี้ไม่สามารถมองข้ามได้ การบังคับใช้ ‘Article Pfizer’ และกฎหมายที่คล้ายกันทั่วโลกมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อผู้ที่ประสบอาการไม่พึงประสงค์จาก ‘วัคซีน mRNA’ ซึ่งเป็นประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์และประชาชนทั่วไปกังวลเพิ่มมากขึ้น  

ทั้งนี้ มีรายงานการเสียชีวิตจากวัคซีนทั่วโลกมากกว่า 17 ล้านคน โดยสถิติที่น่าตกใจเหล่านี้มักถูกมองข้ามหรือถูกเมินจากสื่อกระแสหลักและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งนั่นแสดงถึงวิกฤตความไว้วางใจและความรับผิดชอบที่อาจเกิดขึ้นในการจัดการด้านสาธารณสุข

การผ่านกฎหมายดังกล่าวไม่เพียงแต่บ่อนทำลายคุณค่าของประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังอาจขัดขวางการแสวงหาความจริงและความปลอดภัยในทางการแพทย์อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดข้อกังวลที่สำคัญด้านจริยธรรม กฎหมาย และประชาธิปไตย แม้ว่าความตั้งใจที่จะปกป้องสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่วิธีการที่นำมาใช้กลับคุกคามรากฐานของเสรีภาพในการพูด การรับทราบและการยินยอม 

AFP / Thomas Lohnes

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์