เทสลา (Tesla) อาจกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงในประเทศจีน เมื่อเจ้าพ่ออย่าง อีลอน มัสก์ นักธุกิจและซีอีโอเทสลา นึกสนุกทวีตวิดีโอบน X ที่ตอนนี้เป็นประเด็นร้อนในจีน
เมื่อวันจันทร์ (22 ก.ค.) ที่ผ่านมา มัสก์ได้ทวีตวิดีโอบน X ความยาว 1 นาทีครึ่ง ที่สร้างด้วย AI ซึ่งเผยให้เห็นภาพผู้นำโลก และบุคคลสำคัญของโลกในชุดแฟชั่นต่างๆ เชิงล้อเลียนขณะกำลังเดินแบบอยู่ในงานแฟชั่นโชว์ อาทิ โดนัลด์ ทรัมป์ มาในชุดสีส้มคล้ายชุดนักโทษของสหรัฐฯ หรือ โจ ไบเดน มาในชุดแฟชั่นสวมแว่นตาดำนั่งรถวีลแชร์
แต่ที่กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาก็เพราะว่าหนึ่งในนั้นมี สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน อยู่ในชุดคลุมกางเกงสีแดงลายหมีพูห์สีเหลืองและอักษรย่อ ‘CCP’ (หมายถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปกครองอยู่) ถือเป็นการดูหมิ่นจีนที่ปกครองโดยเผด็จการ ซึ่งผู้เห็นต่างทางการเมืองใช้ตัวละครนี้ล้อเลียน สีจิ้นผิงมา มาหลายปีแล้ว
มัสก์มองว่าเป็นความบันเทิงมากกว่าเป็นการล้อเลียนทางการเมือง เพราะในวิดีโอดังกล่าวก็มีตัวเขาในชุดลาเท็กซ์อยู่ด้วย ขณะที่ผู้บริหารคนอื่นๆ ของเทสลาเพียงเล็กน้อยต่างแสดงความวิตกกังวลถึงประเด็นร้อนดังกล่าว
นั่นก็ว่าเพราะจีนเป็นตลาดเทสลาที่ใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐฯ ของมัสก์ และยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม (Gigafactory) ในเซี่ยงไฮ้
“มีมของวินนี่เดอะพูห์ถูกแบนในจีนเพราะเป็นการดูหมิ่นสีจิ้นผิงที่บางคนบอกว่าหน้าตาเหมือนพูห์ จีนเป็นประเทศที่เทสลาสร้างโรงงานที่ทำกำไรได้มากที่สุด ซึ่งสร้างกำไรได้ 70% ของกำไรทั่วโลกในปี 2023 ไปโด๊ปยาอะไรมาถึงทวีตอะไรเสี่ยงๆ ขนาดนี้” แบรด มุนเชน นักวิจารณ์ของเทสลาทวีตเกี่ยวกับวิดีโอของมัสก์
เราไม่สามารถเริ่มอธิบายได้ว่าทำไมมัสก์ถึงหาเรื่องใส่ตัว แต่พฤติกรรมนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับมหาเศรษฐีผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งมักดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้าหาความขัดแย้งแม้จะชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อผลประโยชน์ของตัวเองก็ตาม
หมีพูห์ = ตัวละครการ์ตูน (ต้องห้าม?) ห้ามเปรียบเทียบ?
การอ้างอิงถึงตัวการ์ตูน วินนี่ เดอะ พูห์ (Winnie the Pooh) หมีตัวพลุ้ยสีเหลืองที่อาศัยอยู่ในป่ามีนิสัยน่ารักและขี้เล่น แต่ถึงกระนั้นก็มีรายงานว่า สีจิ้นผิง ไม่ชอบเจ้าหมีพูห์เอามากๆ มานานกว่าทศวรรษ
ย้อนกลับไปในปี 2013 สีจิ้นผิง ถูกนำไปเปรียบเทียบเป็นมีมหมีพูห์ ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ข้างๆ บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ซึ่งผู้คนต่างบอกเสียงเดียวกันว่าโอบามามีหน้าตาคล้ายทิกเกอร์ (ตัวการ์ตูนเสือลายส้ม)
การเปรียบเทียบ สีจิ้นผิง กับหมีพูห์ถือเป็นเรื่องต้องห้ามบนอินเทอร์เน็ตของจีนมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเพราะหมีกลายมาเป็นวิธีการทั่วไปที่ผู้คนใช้ล้อเลียน สีจิ้นผิง หรือบ่นเกี่ยวกับเขาโดยไม่เอ่ยชื่อเขา
แต่ทว่าตัวการ์ตูนหมีพูห์ก็ไม่ได้ถูกห้ามอย่างเปิดเผยในประเทศจีน เนื่องจากในสวนสนุกดิสนีย์ในเซี่ยงไฮ้ก็ยังมีเครื่องเล่นเกี่ยวกับหมีพูห์ปรากฎอยู่ นอกจากนี้ตัวการ์ตูนดังกล่าวก็ยังไปโผล่ในโพสต์บนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับของเล่นเด็กๆ ด้วย
ในปี 2018 จีนปฏิเสธไม่ให้ฉายภาพยนตร์เรื่อง ‘คริสโตเฟอร์ โรบิน’ (Christopher Robin) และแบนช่อง HBO หลังจากออกอากาศตอนที่ จอห์น โอลิเวอร์ นักวิจารณ์การเมืองชาวอังกฤษ ไปล้อเลียน สี จิ้นผิง เกี่ยวกับหมีพูห์
ถึงกระนั้นพูห์ยังคงเป็นคำดูถูกที่ฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล สีจิ้นผิง ใช้เช่นกัน อย่างในปี 2023 เมื่อชาวไต้หวันพร้อมใจกันโพสต์รูปภาพหมีดำฟอร์โมซาน หรือหมีดำไต้หวันกำลังต่อยหมีอ้วนกลม
แล้วทำไม ‘จีน’ จึงมีความสำคัญต่อเทสลา
ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีเจ้าหน้าที่จีนคนใดมาสละเวลาตอบคำถามเกี่ยวกับวิดีโอเจ้าปัญหาของมัสก์ เพราะในเวลานี้ จีนเองก็พยายามดึงดูดธุรกิจต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยจากโควิด-19 ให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
การโพสต์เกี่ยวกับพูห์ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับซีอีโอทุกคนที่ทำธุรกิจในจีน ซึ่งมัสก์เองก็ได้พบกับนายกฯ หลี่เฉียง ของจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
มีรายงานว่ามหาเศรษฐีรายนี้บรรลุข้อตกลงในการเปิดตัวซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติในประเทศจีน ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายอื่นๆ ก็กำลังรีบเร่งแข่งขันกับเทสลาด้วยเช่นกัน
ตามข้อมูลของเอกสารประจำปีที่ยื่นต่อ SEC (SEC filings) ของสหรัฐฯ ระบุว่า จีนมีส่วนสนับสนุนรายได้รวมของเทสลา 22% ในปี 2023 และ 42% ของรายได้นอกสหรัฐฯ นอกจากนี้ โรงงานของผู้ผลิต EV ในเซี่ยงไฮ้ยังดำเนินการภายใต้สัญญาเช่า 50 ปีกับรัฐบาลท้องถิ่น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องจ่ายภาษีประจำปีมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.08 หมื่นล้านบาท)