ตำนานตำรวจช่วยโจร! ‘การ์เซีย ลูนา’ เจ้าหน้าที่รัฐที่กรุยทางส่งของให้แก๊งค้ายา ‘เอล ชาโป’

12 ก.ย. 2566 - 07:05

  • พ่อค้ายาเสพติดชื่อดัง ‘เอล ชาโป’ (El Chapo) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ ฮัวคิน กุซมาน โลเอรา หัวหน้าแก๊ง ‘ซีนาโลอา’ (Sinaloa) แก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนสหรัฐฯ

  • กลไกสำคัญที่ทำให้เอล ชาโป กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในตลาดยาเสพติดคือ เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด

Get-to-know-genaro-garcia-luna-SPACEBAR-Thumbnail
เม็กซิโกขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดแล้วลักลอบส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯ โดยมีแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแก๊ง ‘ซีนาโลอา’ (Sinaloa) ซึ่งหัวหน้าแก๊งก็คือ เอล ชาโป พ่อค้ายาเสพติดที่สหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุด 

ที่แก๊งของ เอล ชาโป ทำเงินได้เป็นล่ำเป็นสัน กลายเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเม็กซิโกได้ก็เพราะมีทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐของเม็กซิโกคอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้  

วันนี้เราจะมาพูดถึงกลไกสำคัญที่ทำให้เอล ชาโป กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในตลาดยาเสพติด ซึ่งจำเป็นจะต้องอาศัยอำนาจรัฐเข้ามาเป็นส่วนช่วยให้เขาขยับแขนขาได้อย่างสะดวก ซึ่งบุคคคลที่สำคัญในแผนการต่างๆ ของเอล ชาโปก็คือ ‘เจนาโร การ์เซีย ลูนา’ ตำรวจระดับสูงที่ดูแลตำรวจสหพันธรัฐเม็กซิโก และมีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด   

อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเม็กซิโกรายนี้ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งข้อหารับสินบนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการให้ความคุ้มครองพ่อค้ายาเสพติดชื่อดังอย่าง ‘เอล ชาโป’ (El Chapo) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ ฮัวคิน กุซมาน โลเอรา หัวหน้าแก๊ง ‘ซีนาโลอา’ (Sinaloa) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายทศวรรษที่ 1980  

ขณะที่ในบ้านเรากำลังมีข่าวตำรวจระดับสูงหลายนายพัวพันกับการสังหารสารวัตรทางหลวงและช่วยให้คนร้ายหลบหนี ในเม็กซิโกเองก็มีตำรวจระดับสูงที่ช่วยแก๊งค้ายาเสพติดเช่นกัน 

‘เจนาโร การ์เซีย ลูนา’ ตำรวจช่วยแก๊งค้ายา 

ตั้งแต่ปี 2006 – 2012 การ์เซีย ลูนาได้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่ากับ FBI ของสหรัฐฯ  โดยรวบรวมอำนาจของเขาด้วยการขยายยศตำรวจสหพันธรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดีเฟลิเป คัลเดรอนในขณะนั้น 

แก๊งซีนาโลอา ณ ขณะนั้น ได้ควบคุมอาณาจักรค้ายาเสพติดมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยขนส่งยาเสพติดปริมาณมหาศาลจากละตินอเมริกาไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไป แก๊งนี้ก็จ่ายเงิน ‘เพื่อซื้อตำรวจสหพันธรัฐ’ แบบเป็นรายเดือนเพื่อทำให้พวกเขา (ตำรวจ) เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรค้ายานี้ด้วย 

โดยหน้าที่หลักของการ์เซียคือคอยชี้เส้นทางที่ปลอดภัยให้กับแก๊งซีนาโลอาในการขนส่งยา รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องกฎหมายที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการสืบสวน และข้อมูลของแก๊งค้ายาที่เป็นคู่แข่ง เพื่อแลกกับสินบนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐที่เอล ชาโป มอบให้ ซึ่งอัยการชี้ว่าสิ่งนี้ถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าโคเคนและยาเสพติดอื่นๆ ในปริมาณหลายตันเข้าสู่สหรัฐฯ  

ตลอดอาชีพการงานของการ์เซีย เขาทำงานใกล้ชิดกับหน่วยต่อต้านยาเสพติด และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ โดยการ์เซียได้พบกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายชั้นนำของสหรัฐฯ ใน FBI, DEA และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ รวมถึงสมาชิกสภาคองเกรส นอกจากนี้เขายังช่วยนำเข้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์จากสหรัฐฯ และช่วยติดตั้งฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Plataforma Mexico เพื่อต่อสู้กับกลุ่มค้ายาในเม็กซิโกด้วย 

การ์เซียเป็นหัวหน้าสำนักงานสืบสวนกลางแห่งเม็กซิโก หรือ AFI ตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2006 และการสนับสนุนของ AFI มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปะทะกันของแก๊งซีนาโลอากับแก๊งค้ายาคู่แข่งอย่างแก๊งกัลฟ์ คาร์เทล (Gulf Cartel) 

มี 2 ครั้ง ในการรับสินบนของการ์เซีย โดยสมาชิกแก๊งซีนาโลอาได้จัดส่งกระเป๋าที่มีเงินมูลค่า 3 – 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มามอบให้กับการ์เซียเป็นการส่วนตัว นั่นทำให้เหล่าอัยการเริ่มตั้งข้อสังเกตหลังจากที่เขาออกจากรัฐบาล และย้ายถิ่นฐานไปยังฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ ในปี 2012 ซึ่งในเวลานั้นเขามีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่าหลายล้านดอลลาร์  

จนกระทั่งในปี 2019 การ์เซียถูกจับกุมในเท็กซัส และถูกคณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในบรูคลินฟ้องในข้อหาสมรู้ร่วมคิดค้าโคเคน 3 กระทง และอีก 1 กระทงสำหรับการให้การอันเป็นเท็จสำหรับบทบาทของเขาในการอนุญาตให้แก๊งซีนาโลอาไม่ต้องรับโทษในเม็กซิโก  

การแก้แค้น 

ในระหว่างการพิจารณาคดีราว 4 สัปดาห์ คณะลูกขุนได้ฟังคำให้การจากสมาชิกแก๊งซีนาโลอา 9 คนที่ตกลงให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของอัยการ และเป็นพยานเกี่ยวกับสินบนที่การ์เซียได้รับ  

สริธา โกมาติเรดดี อัยการ กล่าวว่า ผู้นำ (เอล ชาโป) จ่ายสินบนให้กับจำเลย (การ์เซีย) เพื่อรับการคุ้มครอง และพวกเขาก็ได้รับสิ่งนั้นจริงๆ การ์เซียใช้ตำแหน่งของทางการเพื่อหาเงินหลายล้านดอลลาร์  

หลังจากที่การ์เซียถูกจับ เขาสารภาพว่าเขาไม่มีความผิด โดยทนายความของเขาแย้งว่าอัยการอาศัยหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกันจากอาชญากรรมรุนแรง ซึ่งเป็นการโบ้ยความผิดกลับไปให้เอล ชาโป และพยายามลดโทษจำคุกในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทนายความของเขายังบอกด้วยว่า การ์เซียเป็นคนที่ทำงานหนัก และบอกว่าผู้ที่กล่าวหาเขามีแรงจูงใจในการโกหก และพยายามปรักปรำการ์เซีย 

ทนายความของเขา กล่าวว่า จะมีอะไรดีไปกว่าการแก้แค้นศัตรู นอกจากการฝังศพผู้นำสงคราม กับแก๊งค้ายา? ซึ่งอัยการได้ ‘ทำข้อตกลงกับปีศาจ’ โดยให้ ‘บัตรผ่าน’ กับสมาชิกแก๊งค้ายาเป็นการผ่อนปรน ลดโทษให้เพื่อแลกกับคำให้การต่อการ์เซีย  

ท้ายที่สุดแล้วการ์เซียถูกตัดสินจำคุกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2019 เขาเผชิญโทษจำคุกขั้นต่ำ 20 ปี และโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต หลังจากย้ายไปสหรัฐฯ การ์เซียได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนสัญชาติในปี 2018 ซึ่งเขาโกหกเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญาในอดีตเกี่ยวกับซีนาโลอาในความพยายามที่จะเป็นพลเมืองสหรัฐฯ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์