หน่วยลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซียตามมแนวสุไหงโก-ลกของมาเลเซียได้จัดกำลังยานเกราะต่อสู้ (AFV) และโดรนจากกองพลปฏิบัติการทั่วไป (GOF) เพื่อเพิ่มการเฝ้าระวังและลาดตระเวนตามแนวชายแดนหลังเกิดเหตุระเบิดและยิงปะทะที่ตำบลปาเสมัส จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันจันทร์ (29 เม.ย.)
ฮาเคมัล ฮาวารี รองผู้บัญชาการกองพลภาคตะวันออกเฉียงใต้ของ GOF กล่าวว่า “รถหุ้มเกราะถูกระดมพลตั้งแต่วันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความมั่นคงของชาติ และสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนถึงความพยายามในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ”
“หน่วยโดรนของกองพันที่ 7 ได้รับการระดมกำลังด้วยความช่วยเหลือของหน่วยโดรนกองทัพอากาศ เพื่อสังเกตการณ์ข้ามพรมแดน…เหตุการณ์การยิงและระเบิดที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อระดับความมั่นคงชายแดนของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมและชีวิตประจำวันของชุมชนโดยรอบได้หากไม่จัดการอย่างรอบคอบ…กองพลตะวันออกเฉียงใต้ของ GOF ร่วมกับตำรวจกลันตันยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าชายแดนของประเทศจะไม่ถูกละเมิดจากกิจกรรมทางอาญาข้ามพรมแดน” ฮาเคมัลกล่าว
ดาโต๊ะ มูฮัมหมัด ซากิ ฮารุน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันกล่าวว่า “ทรัพย์สินที่เป็นของกองกำลังปฏิบัติการทั่วไป (GOF) เริ่มลาดตระเวนเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) ในพื้นที่อำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน โดยมีทีมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 1 คน และบุคลากร 13 คน”
มูฮัมหมัด ซากิ ยังบอกอีกว่าพวกเขายังไม่ได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการจากตำรวจไทยสำหรับข้อมูลหมายเลขทะเบียนยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด
เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย. เวลา 00.05 น. โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไทย 4 นายได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือคนร้ายในตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก
พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ อินประพันธ์ ผู้กำกับการสถานนีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า “การสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจพบรถเก๋งสีขาวมีทะเบียนต่างประเทศในที่เกิดเหตุ”
