Google ประกาศเมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) ว่า บริษัทกำลังเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ด้วยปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) รุ่นใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์การค้นหา แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากโฆษณาก็ตาม
ซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอของ Google กล่าวในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีว่า “เครื่องมือค้นหาของ Google จะมีโหมด AI ใหม่ ซึ่งเป็นผลจาก ‘งานวิจัยหลายสิบปี’ ที่กำลังบรรลุผลด้วยเทคโนโลยีนี้” โหมด AI ใหม่นี้ก้าวไปไกลกว่าฟีเจอร์ ‘AI Overview’ ที่เปิดตัวก่อนหน้า ซึ่งแสดงคำตอบจากพลัง AI ของ Google เหนือกว่าผลลิงก์เว็บไซต์และโฆษณาแบบดั้งเดิม
“โหมด AI ใหม่เป็นการจินตนาการใหม่ทั้งหมดของการค้นหาโดยใช้เหตุผลที่ซับซ้อนมากขึ้น” และเสริมว่า “คุณสามารถถามคำถามที่ยาวและซับซ้อนมากขึ้นได้ รวมถึงสามารถตั้งคำถามเพิ่มเติมเพื่อขยายความให้มากขึ้นได้” พิชัย กล่าว
ลิซ รีด หัวหน้าฝ่ายค้นหาของ Google อธิบายโหมด AI ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ซึ่งขณะนี้พร้อมใช้งานในสหรัฐฯ ว่าเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่มาพร้อมกับการใช้เหตุผลขั้นสูง รองรับการทำงานหลายรูปแบบ (multi-modality) และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกในการค้นหาข้อมูลได้มากขึ้น “ระบบจะค้นหาทั่วทั้งเว็บ และเจาะลึกกว่าการค้นหาแบบเดิมมาก” รีด กล่าว
“นับตั้งแต่ Google เปิดตัว AI Overviews ที่งานประชุมนักพัฒนาซอฟต์แวร์เมื่อปีที่แล้ว AI ก็เติบโตขึ้นจนมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคนในหลายประเทศ...นั่นหมายความว่า Google Search กำลังนำปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ไปสู่ผู้คนมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นใดในโลก” พิชัย กล่าว
การผลักดันของ Google เข้าสู่ AI เชิงสร้างสรรค์เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นกับ ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งได้นำฟีเจอร์เครื่องมือค้นหาเข้าไปไว้ในแชทบอทยอดนิยม
ทั้งสองบริษัทกำลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังมีความท้าทายในการป้องกันข้อมูลที่ผิดพลาดและการสร้างแบบจำลองทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่ไม่มีความชัดเจนว่าเทคโนโลยีจะส่งผลต่อสังคมอย่างไร
นักวิเคราะห์แสดงความกังวลว่าหากการเปลี่ยนจากหน้าผลลัพธ์การค้นหาที่เป็น ‘ลิงก์สีน้ำเงิน’ ไปสู่การสรุปผลที่สร้างด้วย AI อาจทำให้โอกาสในการแสดงโฆษณาซึ่งเป็นแกนหลักของรายได้ของ Google ลดลง
เรื่องนี้ยังทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้เผยแพร่เว็บไซต์ เช่น องค์กรข่าวหรือ Wikipedia ซึ่งเผชิญกับปริมาณการเข้าชมที่ลดลงอย่างมาก เนื่องมาจากลิงก์การค้นหาของ Google ที่เคยเป็นช่องทางหลักสู่อินเทอร์เน็ตในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาอาจหายไป
เอ็ดดี้ คิว ผู้บริหารของ Apple ได้ให้การเป็นพยานในศาลรัฐบาลกลางเมื่อไม่นานนี้ว่า “ปริมาณการค้นหาของ Google บนอุปกรณ์ Apple ลดลงในเดือนเมษายนเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองทศวรรษ...Google กำลังเสียพื้นที่ให้กับทางเลือกด้าน AI เช่น ChatGPT และ Perplexity ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Google ร่วงลงอย่างมาก”
นักลงทุนยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิวกล่าวเสริมว่า “Apple อาจนำเสนอทางเลือก AI เป็นตัวเลือกการค้นหาเริ่มต้นบนอุปกรณ์ของตัวเองในเร็วๆ นี้” ส่งผลให้มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่ารายได้จากการโฆษณาของ Google อาจเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจากคู่แข่งด้าน AI
คำให้การนี้เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีที่สำคัญ โดยผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางอาจสั่งให้ Google ถอนธุรกิจสำคัญๆ ออกไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตัดสินว่าเครื่องมือค้นหาของบริษัทเป็นการผูกขาดโดยผิดกฎหมาย
ในงานประชุมนักพัฒนาประจำปี หรือที่เรียกว่า Google I/O บริษัทได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้สร้างแอปฯ แพลตฟอร์ม หรือบริการออนไลน์ โดยหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเชื่อมโยงกับข้อเสนอต่างๆ ของบริษัท
นอกเหนือจากการค้นหาแล้ว การประชุมยังได้จัดแสดงนวัตกรรม AI จำนวนมากที่ได้รับการพัฒนาและใช้งานอยู่ ซึ่งรวมถึงการแปลคำพูดแบบเรียลไทม์ การลองเสื้อผ้าแบบเสมือนจริงโดยใช้รูปถ่ายส่วนตัว และเทคโนโลยีที่สามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการโดยอัตโนมัติและซื้อเมื่อราคาลดลง
นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัวความสามารถใหม่ที่เรียกว่า ‘Agent Mode’ ใน Chrome และแอปฯ Gemini AI ซึ่งช่วยให้ AI จัดการงานออนไลน์ได้อย่างอิสระ โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะเปิดตัวให้สมาชิกที่ชำระเงินใช้งานในช่วงแรก
บริษัทประกาศว่าเครื่องมือ AI ขั้นสูงที่สุดของบริษัทจะวางจำหน่ายผ่านระดับการสมัครสมาชิกระดับ ‘Ultra’ ใหม่นี้มีราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 8,200 บาท)
นี่คือฟีเจอร์คร่าวๆ จาก Google AI Ultra :
- Gemini : สัมผัสประสบการณ์เวอร์ชันที่ดีที่สุดของแอปฯ ‘Gemini’ แผนนี้มอบขีดจำกัดการใช้งานสูงสุดสำหรับ Deep Research การสร้างวิดีโอที่ล้ำสมัยด้วย Veo 2 และการเข้าถึง Veo 3 รุ่นบุกเบิกก่อนใคร สมาชิก Ultra จะสามารถเข้าถึง Deep Think ใน 2.5 Pro ซึ่งเป็นโหมดการใช้เหตุผลขั้นสูงใหม่ได้ด้วย
- Flow : เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับโมเดลขั้นสูงที่สุดของ Google DeepMind (Veo, Imagen และ Gemini) ช่วยให้สามารถสร้างคลิปภาพยนตร์ ฉาก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันด้วยคำแนะนำที่ใช้งานง่าย Google AI Ultra ปลดล็อกขีดจำกัดสูงสุดของ Flow ด้วยการสร้างวิดีโอ 1080p การควบคุมกล้องขั้นสูง และการเข้าถึง Veo 3 ก่อนใคร
- Whisk : Whisk ช่วยให้คุณสำรวจและแสดงภาพไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ทั้งข้อความและรูปภาพ ด้วย Google AI Ultra คุณจะได้รับความสามารถสูงสุดสำหรับ Whisk Animate ซึ่งจะเปลี่ยนรูปภาพของคุณให้กลายเป็นวิดีโอความยาว 8 วินาทีที่สดใสด้วย Veo 2
- NotebookLM : เข้าถึงขีดจำกัดการใช้งานสูงสุดและความสามารถของโมเดลที่ได้รับการปรับปรุงในช่วงปลายปีนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้ NotebookLM สำหรับการศึกษา การสอน หรือการทำงานในโปรเจ็กต์ของคุณ
- Gemini ใน Gmail, Docs, Vids และอื่นๆ : ทำให้การทำงานในแต่ละวันง่ายยิ่งขึ้นด้วยการเข้าถึง Gemini โดยตรงในแอปฯ Google ที่คุณชื่นชอบ เช่น Gmail, Docs, Vids และอื่นๆ
- Gemini ใน Chrome : คุณจะได้รับสิทธิ์เข้าถึง Gemini ก่อนใครได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์ Chrome ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายและทำงานต่างๆ บนเว็บได้โดยใช้บริบทของหน้าปัจจุบัน
- Project Mariner : ต้นแบบการวิจัย ‘Project Mariner’ สามารถช่วยคุณจัดการงานต่างๆ ได้ถึง 10 งานพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการวิจัย การจอง และการจัดซื้อ จากแดชบอร์ดเดียว
- YouTube Premium : แผน YouTube Premium แบบส่วนบุคคลช่วยให้คุณรับชม YouTube และฟัง YouTube Music ได้โดยไม่มีโฆษณา และออฟไลน์
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 30 TB : ให้ความจุในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่บน Google Photos, Drive และ Gmail เพื่อให้ผลงานและไฟล์สำคัญของคุณปลอดภัย
(Photo by Camille Cohen / AFP)