ครั้งหนึ่งธุรกิจ ‘Herbalife’ (เฮอร์บาไลฟ์) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพก็เคยถูกคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐฯ (Federal Trade Commission / FTC) ฟ้องข้อหาทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่เมื่อปี 2016 จนบริษัทต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ
ย้อนกลับไปในปี 2016 บริษัทเฮอร์บาไลฟ์ได้ตกลงจ่ายเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.6 พันล้านบาท) และยอมเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินธุรกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหน่วยงานกำกับดูแลตราหน้าว่าเป็น ‘ธุรกิจแบบพีระมิด’ (pyramid scheme) ซึ่งเป็นการโจมตี บิลล์ แอ็กแมน ผู้จัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่เดิมพันกับบริษัทผู้ผลิตอาหารเสริมรายนี้มาเป็นเวลาหลายปี
เฮอร์บาไลฟ์ใช้เครือข่ายผู้จำหน่ายอิสระจำนวนมากในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และยาเม็ดชนิดผง ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก เพิ่มพลังงาน และคลายความเครียด อีกทั้งวิธีการขายที่บางคนได้รับเงินมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์เมื่อหาผู้จำหน่ายรายใหม่ได้นั้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์
FTC เผยว่า Herbalife หลอกลวงพนักงานขายที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จจนสูญเสียเงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้กลยุทธ์การตลาดแบบหลายชั้น
FTC เรียกร้องให้บริษัทปรับโครงสร้างการดำเนินงานใหม่ เปลี่ยนเป็นการติดตามและให้รางวัลสำหรับยอดขายที่จบลงด้วยการซื้อของผู้บริโภค แทนที่จะเป็นการขายที่หลอกลวงร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
เอดิธ รามิเรซ ประธาน FTC กล่าวว่า “FTC ไม่ได้ประณามกลยุทธ์ของ Herbalife ว่าเป็น ‘ธุรกิจแบบพีระมิด’ หรือสั่งปิดกิจการ แต่เลือกที่จะฟ้องเรื่อง ‘ความไม่ยุติธรรม’ ซึ่งไม่รุนแรงมากนัก...เราให้ความสำคัญกับฉลากน้อยลง”
“Herbalife จะต้องเริ่มดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย”
— รามิเรซ กล่าว
การสอบสวนของ FTC เริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2014 หลังจากที่ แอ็กแมน อ้างว่า Herbalife ดำเนินธุรกิจแบบพีระมิด
ผู้บริหารของ Herbalife โต้แย้งข้อกล่าวอ้างของแอ็กแมนว่า รูปแบบธุรกิจของบริษัทมีความมั่นคงและสามารถเทียบได้กับทัปเปอร์แวร์ (Tupperware) หรือแอมเวย์ (Amway)
เนื่องจากข้อตกลงของ FTC ไม่สามารถตอบสนองต่อคำกล่าวอ้างของแอ็กแมนที่ว่า บริษัทควรจะถูกปิดตัวลง หุ้นของ Herbalife จึงพุ่งสูงขึ้นเกือบ 20% ก่อนที่จะร่วงลงมาและปิดตัวที่ 65.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,200 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากราคาปิดตัว
แต่ FTC กล่าวหาว่า การชดเชยของบริษัทไม่ยุติธรรม เนื่องจากผู้จัดจำหน่ายได้รับผลตอบแทนจากการชักชวนผู้อื่นให้เข้าร่วมและซื้อผลิตภัณฑ์ มากกว่าการขายผลิตภัณฑ์อันเป็นผลจากความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา
FTC กล่าวว่า ยอดขายอย่างน้อย 80% จะต้องเป็นการขายให้กับผู้ใช้ปลายทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้นค่าตอบแทนจะต้องลดลง
“ข้อตกลงนี้จะทำให้ Herbalife ต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่โดยสิ้นเชิง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับผลตอบแทนจากสิ่งที่พวกเขาขาย ไม่ใช่จากจำนวนคนที่พวกเขารับสมัครเข้ามา” รามิเรซ กล่าว
โรเบิร์ต ฟิตซ์แพทริก ผู้ก่อตั้งโครงการติดตามธุรกิจแบบพีระมิดในปี 2000 เพื่อติดตามและต่อต้านการทำธุรกิจดังกล่าว เผยว่า “ข้อตกลงดังกล่าวจะดำเนินการได้ยาก...Herbalife ได้ตกลงแล้ว และข้อกำหนดของข้อตกลงนี้ถือเป็นการทำลายวิธีการดำเนินงานของพวกเขา”
ทางด้านเฮอร์บาไลฟ์กล่าวว่า จอน ไลโบวิทซ์ อดีตประธาน FTC จะให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ ส่วน พาเมลา โจนส์ ฮาร์เบอร์ อดีตคณะกรรมาธิการ FTC อีกคนหนึ่ง ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของเฮอร์บาไลฟ์ ซึ่งทำงานด้านการปฏิบัติตามข้อตกลง