ฮอนด้า-นิสสัน เตรียมควบรวมกิจการสู้เทสลา-อีวีจีน

18 ธ.ค. 2567 - 06:27

  • ฮอนด้าและนิสสันกำลังพิจารณาดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง และจะลงนามบันทึกความเข้าใจในเร็วๆ นี้

  • นอกจากนี้ บริษัททั้งสองยังตั้งเป้าที่จะนำมิตซูบิชิ มอเตอร์ เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง เพื่อสร้างกลุ่มยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

honda-nissan-to-begin-merger-talks-amid-ev-competition-SPACEBAR-Hero.jpg

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า ฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ จะเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ โดยจะรวมทรัพยากรเข้าด้วยกันเพื่อแข่งขันกับเทสลา และผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีน 

แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าฮอนด้าและนิสสันกำลังพิจารณาดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง และจะลงนามบันทึกความเข้าใจในเร็วๆ นี้ ส่วนการถือหุ้นของทั้งสองบริษัทในบริษัทใหม่ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ จะมีการตัดสินใจในภายหลัง 

นอกจากนี้ บริษัททั้งสองยังตั้งเป้าที่จะนำมิตซูบิชิ มอเตอร์ เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง โดยยอดขายรวมของผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสามรายจะสูงกว่า 8 ล้านคัน ทำให้กลายเป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก 

นิสสัน กล่าวว่า กำลังพิจารณาความร่วมมือในอนาคตในหลายแง่มุมกับฮอนด้าและมิตซูบิชิ มอเตอร์...แต่ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ในเวลานี้ ขณะที่ฮอนด้าก็ออกแถลงการณ์ที่คล้ายๆ กัน 

ในเดือนมีนาคม ฮอนด้าและนิสสันประกาศว่าจะร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และในเดือนสิงหาคมก็ประกาศว่าจะร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แต่ทั้งสองบริษัทอาจได้รับประโยชน์จากการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจากทั้งสองบริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในปีนี้ 

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2035 ขณะที่ BYD และผู้ผลิตหน้าใหม่รายอื่นๆ ในจีนกำลังขยายฐานการผลิตอย่างรวดเร็วโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ประเภทอื่นๆ จะมีสัดส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนถึง 40% ในปีนี้ 

การเพิ่มขึ้นของยอดขายดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดน้อยลง โดยยอดขายของฮอนด้าในจีนในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายนลดลง 30.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยอดขายของนิสสันลดลง 10.5% 

ท่ามกลางอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโต ฮอนด้าได้ตัดสินใจลดกำลังการผลิตทั่วโลกประมาณ 500,000 หน่วย หรือประมาณ 10% ซึ่งรวมถึงการลดกำลังการผลิตครั้งแรกของบริษัทในจีน 

ในขณะเดียวกัน นิสสันเองก็ประสบปัญหายอดขายลดลงทั้งในจีน และในสหรัฐฯ ด้วย อีกทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ล่าช้าทำให้นิสสันไม่สามารถเปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากความต้องการรถยนต์ประเภทนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ด้านเงินทุนกับเรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสเมื่อปีที่แล้ว แต่พบว่ามีการประหยัดต่อขนาดน้อยลง 

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นิสสันประกาศลดกำลังการผลิตลง 20% และลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลงเกือบ 10% เนื่องจากนิสสันมองว่าความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับฮอนด้าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพลิกฟื้นบริษัท 

นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายอื่นๆ ก็กำลังแสวงหาความร่วมมือใหม่ๆ เช่นกัน โดยเมื่อเดือนกันยายน เจเนรัลมอเตอร์ได้ประกาศว่าจะสำรวจความร่วมมือกับฮุนไดมอเตอร์ในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ 

ในเดือนเดียวกันนั้น BMW ได้ประกาศความร่วมมือกับโตโยต้ามอเตอร์ในการพัฒนารถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ริเวียน ออโตโมทีฟ ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน EV ยังได้ร่วมมือกับฟ็อลคส์วาเกินอีกด้วย 

Photo by Richard A. Brooks / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์