เกิดอะไรขึ้นกับ ‘โบอิง’ (Boeing) บริษัทผลิตอากาศยานและยุทธโธปกรณ์กันแน่? ดูเหมือนว่าปีนี้จะไม่ใช่ปีทองของโบอิงเท่าใดนัก เพราะตั้งแต่สัปดาห์แรกของปีใหม่เครื่องบินโดยสารก็ประสบปัญหามานับไม่ถ้วนจนครั้งล่าสุดเกิดขึ้นถึง 2 เหตุการณ์ในวันศุกร์ (10 พ.ค.) เมื่อเครื่องบินโบอิง 737 ไถลตกรันเวย์ในเซเนกัล มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ส่วนอีกลำเกิดเหตุยางล้อหน้าของเครื่องบินระเบิดขณะลงจอดในตุรกี ไม่มีรายงานได้รับบาดเจ็บ
ตั้งแต่ต้นปี ‘โบอิง’ ประสบปัญหาอะไรบ้าง?
- 5 มกราคม : เครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ 9 ของสายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ ต้องลงจอดฉุกเฉินในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน เนื่องจากมีชิ้นส่วนของลำตัวเครื่องหลุดออกจากเครื่องบินและแผงเครื่องระเบิด
- 14 มกราคม : เครื่องบินโบอิง 737-800 ของสายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ (ANA) ต้องหันหัวเครื่องกลับและลงจอดในญี่ปุ่น หลังจากพบรอยแตกบริเวณหน้าต่างห้องนักบินกลางอากาศ
- 21 กุมภาพันธ์ : สถานีโทรทัศน์ ‘KTVU’ ในซานฟรานซิสโกระบุว่า เครื่องบินโบอิง 757-200 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ต้องลงจอดในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เนื่องจากปีกเครื่องได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ของโบอิงกล่าวว่า “เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับไม้ระแนง (ส่วนประกอบที่อยู่บริเวณส่วนหน้าของปีกเครื่องบิน) ที่ปีกข้างใดข้างหนึ่ง”
- 7 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 777-200 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ซึ่งกำลังบินจากซานฟรานซิสโกไปยังโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ต้องลงจอดฉุกเฉินในเมืองลอสแอนเจลิส เพราะยางเครื่องบินหลุดออกจากเครื่องหลังเครื่องขึ้น
- 8 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดับระว่างวิ่งบนแท็กซี่เวย์ (ทางสำหรับเครื่องบินที่เชื่อมต่อรันเวย์กับลานจอดเครื่องบิน) ที่สนามบินในเมืองฮิวสตัน แต่ไม่มีรายงานการบาดเจ็บ
- 11 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 787-9 ของสายการบินลาแทม แอร์ไลน์เกิดเหตุ ‘ขัดข้องทางเทคนิค’ ระหว่างบินจากออสเตรเลียไปยังนิวซีแลนด์ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 50 ราย
- 12 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ซึ่งมุ่งหน้าไปยังซานฟรานซิสโกต้องเดินทางกลับไปยังซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจาก ‘ปัญหาการซ่อมบำรุงที่ไม่เปิดเผย’
- 15 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 737 ของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลงจอดที่เมืองเมดฟอร์ด รัฐออริกอน ซึ่งพบว่าแผงเครื่องบินหายไป เชื่อกันว่าแผงดังกล่าวหลุดออกจากเครื่องบินกลางเที่ยวบิน
- 18 มีนาคม : เครื่องบินโบอิง 737 ของสายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ ลงจอด เนื่องจากกระจกห้องนักบินแตกในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน
- 8 พฤษภาคม : เครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิง 767 ซึ่งบินจากสนามบินปารีส ชาร์ลส์ เดอ โกล ฝรั่งเศส และลงจอดที่สนามบินอิสตันบูล ตุรกี แต่ไม่สามารถกางล้อหน้าได้ทำให้บริเวณท้องเครื่องขูดบนรันเวย์จนเกิดเปลวไฟ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
- 10 พฤษภาคม : เครื่องบินโบอิง 737 ไถลตกรันเวย์ในเซเนกัล มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ส่วนอีกลำเกิดเหตุยางล้อหน้าของเครื่องบินระเบิดขณะลงจอดในตุรกี ไม่มีรายงานได้รับบาดเจ็บ
มันเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทอากาศยาน ‘โบอิง’?
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุระเบิดบนเครื่องบินของสายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาด้านการผลิตและการบำรุงรักษา”
คำอธิบายของปัญหาต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบินที่เป็นไปได้ 3 ประการ ได้แก่ :
- อาจมี ‘ข้อบกพร่องด้านการออกแบบ’ เช่นเดียวกับอุบัติเหตุร้ายแรง 2 ครั้งบนเครื่องบิน 737 แม็กซ์ เมื่อปี 2018 ในอินโดนีเซียและปี 2019 ในเอธิโอเปีย ซึ่งเกี่ยวกับข้อบกพร่องในระบบรักษาเสถียรภาพการบิน
- ‘ข้อบกพร่องด้านการผลิต’ อย่างในเคสของเครื่องบินโบอิง 737 แม็กซ์ 9 สายการบินอแลสก้า แอร์ไลน์ ที่เพิ่งส่งมอบเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
- สาเหตุที่เป็นไปได้ประการที่ 3 คือ ‘การบำรุงรักษาไม่เพียงพอ’ แม้ว่าการออกแบบและการผลิตจะเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิตเครื่องบิน แต่สายการบินก็มีหน้าที่ดูแลเครื่องบินเมื่อได้รับเครื่องบินแล้ว “เมื่อเครื่องบินลำนี้ถูกส่งมอบแล้ว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษา โบอิงจะไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินอีกต่อไป” ริชาร์ด อาบูลาเฟีย จากสถาบันที่ปรึกษาธุรกิจการบิน ‘AeroDynamic Advisory’ กล่าว
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินก็ชี้ให้เห็นถึงประวัติด้านความปลอดภัยโดยรวม
“เราไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียวในอุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ ทั้งหมดในรอบกว่าทศวรรษ แม้จะมีผู้คนหลายล้านคนบินก็ตาม…นั่นเหลือเชื่อมาก” อาบูลาเฟียกล่าว
ขณะเดียวกันอาบูลาเฟียก็เรียก ‘การบินสมัยใหม่’ นี้ว่าเป็น ‘รูปแบบการขนส่งที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา’ โดยสังเกตว่าทุกๆ วัน มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนบนท้องถนน
-แต่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่มันจะผิดพลาดที่ ‘โบอิง’-
เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ (NTSB) บอกว่า “โบอิงยังไม่ได้จัดทำบันทึกของบริษัทที่บันทึกขั้นตอนการดำเนินการในสายการประกอบสำหรับการเปลี่ยนประตูปลั๊กของเครื่องบินเจ็ตของสายการบินอะแลสกา”
ขณะที่องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) บอกว่า “ปัญหาด้านความปลอดภัยและคุณภาพของโบอิงมีมากกว่าการไม่สามารถจัดทำเอกสารได้”
“เมื่อตรวจสอบขั้นตอนการผลิตและมาตรฐานของโบอิง หน่วยงานกำกับดูแลก็พบปัญหาที่ ‘สำคัญมาก’ ของสายการผลิตและการประกอบของโบอิง มันไม่ใช่แค่ปัญหาด้านเอกสารเท่านั้น บางครั้ง มันเป็นคำสั่งให้งานเสร็จ บางครั้งก็เป็นการจัดการเครื่องมือ แต่สิ่งสำคัญในโรงงานคือ คุณต้องมีวิธีติดตามเครื่องมือของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่คุณจะได้มีเครื่องมือที่เหมาะสม…” ไมค์ วิเทเกอร์ ผู้บริหาร FAA กล่าว
ฝั่งโบอิงก็บอกว่ากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาหลายประการที่วิเทเกอร์ระบุ ขณะเดียวกัน FAA ได้สั่งให้ผู้ผลิตเครื่องบินยื่นแผนแก้ไขปัญหาการผลิตภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย
“จากการตรวจสอบของ FAA คุณภาพของเราและรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญล่าสุด เรายังคงดำเนินการเปลี่ยนแปลงทันทีและพัฒนาแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและคุณภาพเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้โดยสารของพวกเขา…เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการดำเนินการที่สำคัญและโปร่งใสในทุกขั้นตอน” โบอิงกล่าวในแถลงการณ์
-คนในออกมาแฉ…-
จอห์น บาร์เน็ตต์ วัย 62 ปีซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายคุณภาพของบริษัทเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ มานานกว่า 3 ทศวรรษ จนกระทั่งเขาเกษียณในปี 2017 ได้รายงานปัญหาด้านความปลอดภัยหลายประการของโบอิง แต่ปรากฏว่าเขาเสียชีวิตเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจากบาดแผลที่ดูเหมือนการ ‘ทำร้ายตัวเอง’ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพในรัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐฯ
ประเด็นก็คือมันดันเกิดขึ้นในสัปดาห์เดียวกันกับที่มีพาดหัวข่าวโบอิงเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยหลายประการเกี่ยวกับเครื่องบินของบริษัท
สำนักข่าว BBC รายงานการเสียชีวิตของบาร์เน็ตต์เป็นครั้งแรกซึ่งระบุว่าเขาได้ให้หลักฐานเกี่ยวกับบริษัทในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในปี 2019 บาร์เน็ตต์กล่าวหาว่า ผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้ซึ่งมีฐานอยู่นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จงใจติดตั้งเครื่องบินที่มีชิ้นส่วนชำรุด และผู้โดยสารบนโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์อาจถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีออกซิเจนในกรณีที่มีการบีบอัดกะทันหัน แต่โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
นอกจากนี้ โจชัว ดีน วัย 45 ปีซึ่งเป็นอดีตผู้ตรวจสอบคุณภาพของ ‘Spirit AeroSystems’ ซัพพลายเออร์ของโบอิง และเป็นหนึ่งในผู้แจ้งเบาะแสกลุ่มแรกๆ ที่กล่าวหาว่าผู้นำของ Spirit เพิกเฉยต่อข้อบกพร่องด้านการผลิตโบอิง 737 แม็กซ์ ก็เสียชีวิตเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม หลังจากต่อสู้กับการติดเชื้อที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ซานติอาโก แปร์เดส ซึ่งทำงานให้กับ ‘Spirit AeroSystems’ ในรัฐแคนซัสเช่นเดียวกันบอกกับ BBC ว่าเขามักจะพบข้อบกพร่องร้ายแรงถึง 200 ชิ้นในชิ้นส่วนที่เตรียมพร้อมสำหรับการขนส่งไปยังโบอิงเป็นประจำ “ทุกจุดตั้งแต่ 50 ถึง 100, 200 บนลำตัวเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหลักของเครื่องบิน มีกำหนดขนส่งไปยังโบอิง ผมพบตัวยึดที่ขาดหายไปจำนวนมาก ชิ้นส่วนที่โค้งงอจำนวนมาก บางครั้งถึงกับขาดหายไปด้วยซ้ำ”
แต่โบอิงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
แล้วใครต้องรับผิดชอบ?

ตามรายงานของสำนักข่าว AP ระบุว่า “คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติได้เปิดเผยรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับเคสเที่ยวบินสายการบินอแลสกา แอร์ไลน์ เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งกล่าวถึงสลักเกลียวที่หายไปจากแผงเครื่อง หรือที่เรียกว่า ‘ประตูปลั๊ก’ สลักเกลียวมีไว้เพื่อยึดแผงเข้ากับโครงเครื่องบิน และรายงานระบุว่าสลักเกลียว 3 ใน 4 ตัวที่ป้องกันไม่ให้แผงเคลื่อนขึ้นนั้นหายไป ตำแหน่งของสลักเกลียวตัวที่ 4 ถูกฉนวนบังไว้”
การพิจารณาไต่สวนคดีเคสของเที่ยวบินสายการบินอแลสกา แอร์ไลน์ มีกำหนดในวันที่ 6 และ 7 สิงหาคมนี้ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมยังได้เปิดการสอบสวนทางอาญาในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เหตุการณ์อย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับโบอิงด้วย
ส่วนในเคสของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า “เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุในห้องนักบิน โดยมีรายงานระบุว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกดสวิตช์บนที่นั่งนักบินขณะที่กำลังเสิร์ฟอาหาร ระบบจึงเปิดใช้งานฟีเจอร์แบบมอเตอร์ที่ผลักนักบินเข้าไปในส่วนควบคุม และทำให้เครื่องบินดิ่งลง (สวิตช์ดังกล่าวไม่ควรใช้เมื่อมีนักบินนั่งอยู่ในที่นั่ง)”
AP รายงานว่า โบอิงได้แจ้งให้สายการบินตรวจสอบสวิตช์บนที่นั่งนักบินในการบำรุงรักษาครั้งต่อไปแล้ว
สำหรับเหตุการณ์อื่นๆ เจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) กล่าวในเว็บไซต์ว่าพวกเขากำลังสืบสวน
Photo by Daniel SLIM / AFP