ขนทั้งขีปนาวุธทั้งเครื่องบินรบมาถล่มกัน แล้วทำไมจู่ๆ อินเดียกับปากีสถานถึงยอมหยุดยิง

13 พ.ค. 2568 - 08:03

  • อินเดียเผยว่าการหยุดยิงระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ได้รับการตกลงหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของปากีสถานส่งข้อความ “สายด่วน” ไปยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอินเดีย

  • กองทัพปากีสถานยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าได้ติดต่อกับฝ่ายอินเดีย แต่ระบุว่าติดต่อกับคนกลางเพื่อขอหยุดยิงกับอินเดีย โดยไม่ได้ระบุว่าคนกลางคือประเทศใด

อินเดียกับปากีสถานเผชิญการสู้รบที่ดุเดือดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ การปะทะกันทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเวลา 4 วัน โดยขนทั้งเครื่องบินขับไล่ ขีปนาวุธ และโดรนบรรจุวัตถุระเบิดมาถล่มใส่กัน แต่แล้วจู่ๆ เหตุการณ์ก็ยุติลงอย่างกะทันหันเช่นเดียวกับตอนเริ่มต้น 

 

รายละเอียดใหม่ที่เผยออกมาแสดงให้เห็นว่า การต่อสายคุยกันและการทูตทำให้เพื่อนบ้านที่ต่างก็ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์และเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดสงบศึกกันได้ในที่สุด 

 

และแม้ว่าจนถึงตอนนี้ทั้งอินเดียและปากีสถานจะให้ข้อมูลแตกต่างกันบ้าง แต่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าความก้าวหน้าได้เริ่มเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันเสาร์ 

 

กองทัพอินเดียเผยเมื่อวันอาทิตย์โดยให้รายละเอียดใหม่เกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงที่ไม่คาดคิดนี้ว่า การหยุดยิงระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ปากีสถานระบุว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการมาหลายวันแล้ว ได้รับการตกลงหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของปากีสถานส่งข้อความ “สายด่วน” ไปยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอินเดีย  

 

ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ เจ้ากรมปฏิบัติการของอินเดียกล่าวว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังหารือกันในวันเสาร์เพื่อ “จำลองสถานการณ์” การโจมตีของปากีสถานในช่วงเช้าตรู่ เขาได้รับข้อความจากเจ้ากรมปฏิบัติของปากีสถานว่าต้องการเจรจาด้วย 

 

กองทัพปากีสถานยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่าได้ติดต่อกับฝ่ายอินเดีย แต่ระบุว่าติดต่อกับคนกลางเพื่อขอหยุดยิงกับอินเดีย โดยไม่ได้ระบุว่าคนกลางคือประเทศใด แต่เจ้าหน้าที่ปากีสถานที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า สหรัฐฯ คือประเทศที่ต่อสายคุยเมื่อวันเสาร์ 

 

ราจีฟ ไก เจ้ากรมปฏิบัติการของอินเดียเผยว่า ระหว่างการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.35 น.ตามเวลาท้องถิ่น มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และว่า จะมีการต่อสายคุยกันอีกครั้งเพื่อ “หารือถึงแนวทางที่จะช่วยให้ข้อตกลงมีความยั่งยืน” ปากีสถานไม่ได้ยืนยันว่ามีการต่อสายคุยกันหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามทางการทูตเผยว่า ปากีสถานได้รับ “การยืนยัน” จากสหรัฐฯ ว่าอินเดียจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 

 

รายละเอียดล่าสุดของการบรรลุข้อตกลง ซึ่งประกาศครั้งแรกโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจนที่สุดว่าอินเดียและปากีสถานสื่อสารกันโดยตรงอย่างไรเพื่อตกลงยุติความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นท่ามกลางแรงกดดันนานาชาติที่เพิ่มมากขึ้น 

 

ทรัมป์เผยใน Truth Social เมื่อวันเสาร์ว่า สหรัฐฯ เป็นคนกลางในการยุติการสู้รบและยินดีด้วยกับผู้นำของทั้งสองประเทศที่ “ใช้สามัญสำนึกและสติปัญญาที่ดีเยี่ยม” แม้ว่าปากีสถานจะยกย่องการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ แต่อินเดียกลับลดความสำคัญของเรื่องนี้ โดยมุ่งที่จะพรรณนาการหยุดยิงเป็นชัยชนะ และกล่าวว่าอินเดียกับปากีสถานทำงานร่วมกัน “โดยตรง” ในการหยุดยิงครั้งนี้ 

 

เจ้ากรมปฏิบัติการของอินเดียกล่าวว่า อินเดียติดต่อปากีสถานเมื่อวันพุธหลังการถล่มรอบแรกเพื่อ “สื่อสารถึงความจำเป็นของเราที่จะโจมตีศูนย์กลางของกลุ่มก่อการร้าย” 

 

เจ้ากรมปฏิบัติการของอินเดียเผยอีกว่า อินเดียแจ้งความต้องการซึ่งไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ถูกปฏิเสธอย่างกะทันหันพร้อมทั้งแจ้งว่าการตอบโต้อย่างรุนแรงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และกำลังจะเกิดขึ้น ส่วนกองทัพปากีสถานกล่าวว่า อินเดียได้ติดต่อมาเมื่อต้นสัปดาห์นี้เพื่อขอหยุดยิง 

 

อาเหม็ด ชารีฟ ชอดารี นายพลของปากีสถานแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า “อินเดียเรียกร้องให้หยุดยิงเมื่อวันที่ 8 และ 9 พฤษภาคม หลังจากพวกเราเริ่มปฏิบัติการ เราบอกพวกเขาว่าเราจะติดต่อกลับไปหลังจากเราตอบโต้กลับ” หลังปฏิบัติการทางทหารของปากีสถาน “เราติดต่อตัวแทนเจรจาระหว่างประเทศและตอบสนองต่อคำร้องขอหยุดยิงแล้ว” 

 

เจ้าหน้าที่ปากีสถานที่เกี่ยวข้องกับความพยายามทางการทูตเผยหลังการโจมตีครั้งแรกของอินเดียว่า ปากีสถานติดต่อกับสหรัฐฯ และเขาหวังว่าการสนทนาจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นบวก เจ้าหน้าที่รายนี้เผยอีกว่า ปากีสถานจะให้โอกาสทางการทูตและชะลอการตอบโต้ในขณะที่สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ พยายามใช้การทูต แม้ว่าอินเดียจะอ้างว่าปากีสถานยิงโดรนและปืนใหญ่เข้าไปในดินแดนของอินเดียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งปากีสถานปฏิเสธอย่างหนักแน่น 

 

เจ้าหน้าที่ปากีสถานเผยว่า พวกเขาตกใจมากตอนที่อินเดียโจมตีฐานทัพอากาศหลายแห่งของปากีสถานช่วงเช้าวันเสาร์ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าแนวทางทางการทูตยังดำเนินอยู่ และว่า ปากีสถานตอบโต้กลับทันที และหนักกว่าที่พวกเขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ 

 

กองทัพปากีสถานเรียกการโจมตีฐานทัพหลายแห่งของอินเดียว่า “ตาต่อตา” และว่า พวกเขาพุ่งเป้าไปที่ฐานทัพอากาศของอินเดียที่ใช้เป็นที่ยิงขีปนาวุธใส่ปากีสถาน 

 

การโจมตีที่รุนแรงขึ้นจากทั้งสองฝ่ายทำให้ความพยายามทางการทูตที่มีอยู่ต้องดำเนินไปอย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงโดยสหรัฐฯ จีน และซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นคนกลางในการยุติการสู้รบ 

 

แถลงการณ์ของ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รูบิโอและรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ได้พูดคุยกับผู้นำทหารและผู้นำการเมืองของอินเดียและปากีสถาน เพื่อบรรลุข้อตกลงก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลง 

 

แหล่งข่าวหลายรายจากกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเผยว่า แวนซ์กดดันให้นายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมดี ของอินเดีย “หาทางลง” ที่เป็นไปได้สำหรับความตึงเครียดที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าวบอกอีกว่า โมดีฟัง แต่ไม่รับปาก  

 

แถลงการณ์สรุปของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้พูดคุยกับทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดียและปากีสถาน และแสดงออกว่าจีนสนับสนุนการหยุดยิง 

 

ราว 17.00 น. ในอินเดียและปากีสถาน ทรัมป์ประกาศการหยุดยิงใน Truth Social ว่า “หลังจากการเจรจายาวนานตลอดทั้งคืนโดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง ผมมีความยินดีที่จะประกาศว่าอินเดียและปากีสถานตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบโดยทันที” 

 

ไม่นานหลังจากที่ทรัมป์โพสต์ ทั้งสองฝ่ายก็ยืนยันการหยุดยิง 

 

กระทรวงการต่างประเทศของอินเดียระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวดำเนินการ “โดยตรงระหว่างสองประเทศ” โดยไม่ให้เครดิตสหรัฐฯ และขัดแย้งกับคำพูดของทรัมป์ แต่เจ้าหน้าที่ปากีสถานกลับยกย่องสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรี เชห์บาซ ชารีฟ กล่าวว่า “เราขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับความเป็นผู้นำและบทบาทเชิงรุกเพื่อสันติภาพในภูมิภาค”  

 

แหล่งข่าวชาวปากีสถานที่ทราบเรื่องการเจรจาเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า สหรัฐฯ โดยเฉพาะรูบิโอ มีส่วนสำคัญในการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงเจรจาที่ตกอยู่ในความสงสัยท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ลดน้อยลง และการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอินเดียก็คลี่คลายลงในช่วงไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่จะมีการยืนยันการสงบศึก 


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อินเดียกับปากีสถานจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกันว่าบรรลุข้อตกลงได้อย่างไร


นักวิเคราะห์เผยว่า ที่ผ่านมาอินเดียซึ่งมองว่าตัวเองเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคมักจะต่อต้านการไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศ ในขณะที่ปากีสถานซึ่งต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก มีแนวโน้มที่จะยินดีต้อนรับการไกล่เกลี่ยดังกล่าว 

 
เรื่องราวล่าสุดจากฝั่งกองทัพอินเดียเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามเพิ่มเติมว่าสหรัฐฯ มีบทบาทอย่างไรในการเป็นตัวกลางเจรจาสงบศึก 

 

สำหรับอินเดียและปากีสถาน ข้อตกลงสงบศึก ซึ่งดูเหมือนจะบรรลุผลได้ในระดับสูงแม้ในช่วงแรกจะมีการกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าละเมิดข้อตกลง ได้นำความโล่งใจที่จำเป็นอย่างยิ่งมาสู่ทั้งสองฝ่าย 

 

Photo by Akram SHAHID / AFP ชาวปากีสถานเฉลิมฉลองหลังอินเดียกับปากีสถานบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2025  

 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์