สำนักข่าว Reuters ชี้ การตบตาอย่างแนบเนียนของกลุ่มฮามาสทำให้อิสราเอลไม่ทันได้ตั้งตัวตอนที่ถูกบุกโจมตี ทำให้กองกำลังของฮามาสใช้ทั้งรถแทรกเตอร์ พาราไกลเดอร์ และรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจัดการกับกองทัพอิสราเอลที่ทรงพลังที่สุดในแถบตะวันออกกลางได้อย่างง่ายดาย
การโจมตีเมื่อวันเสาร์ (7 ต.ค.) ซึ่งเป็นการทำลายการป้องกันของอิสราเอลครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่กองทัพอาหรับเปิดศึกใส่กันเมื่อปี 1973 เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาสวางกลอุบายมานานถึง 2 ปี ทั้งการปกปิดแผนการทางทหารของตัวเองไว้เป็นความลับ และโน้มน้าวให้อิสราเอลเชื่อว่าฮามาสไม่ต้องการการต่อสู้
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสรายหนึ่งเผยกับ Reuters ว่า ขณะที่อิสราเอลถูกทำให้เชื่อว่าสามารถควบคุมกลุ่มฮามาสที่เบื่อหน่ายสงครามไว้ได้ด้วยการมอบสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจแก่คนงานในกาซา บรรดานักรบของฮามาสก็กำลังฝึกฝนและซ้อมรบซึ่งมักพบเห็นได้ทั่วไป
แหล่งข่าวรายนี้ให้รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวของการโจมตีและการรวมพลซึ่ง Reuters ได้นำมาปะติดปะต่อกัน รวมทั้งข้อมูลจาก 3 แหล่งข่าวภายในหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอล
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสเผยกับ Reuters เกี่ยวกับแผนการโจมตีแบบเหนือความคาดหมายของกลุ่มฮามาสนับตั้งแต่อียิปต์และซีเรียผนึกกำลังโจมตีอิสราเอลเมื่อ 50 ปีก่อนในสงครามยมคิปปูร์ (Yom Kippur War) ว่า “ฮามาสสร้างภาพให้อิสราเอลเห็นว่าไม่พร้อมจะสู้รบ ฮามาสใช้กลยุทธ์ข่าวกรองที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อหลอกลวงอิสราเอลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยการสร้างภาพให้สาธารณชนเห็นว่าฮามาสไม่ต้องการต่อสู้หรือเผชิญหน้ากับอิสราเอล ในขณะที่ตัวเองกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการครั้งใหญ่นี้”
อิสราเอลยอมรับว่าตัวเองไม่ทันตั้งตัวเพราะช่วงเวลาที่ฮามาสโจมตีนั้นตรงกับวันสะบาโตและวันหยุดทางศาสนาพอดี โดยนักรบกลุ่มฮามาสแทรกซึมเข้ามาในมืองต่างๆ ของอิสราเอลและสังหารชาวอิสราเอลไปกว่า 700 ราย ส่วนการโต้กลับด้วยการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 400 กว่าคน
นายพลนีร์ ดินาร์ โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลเผยว่า “นี่คือเหตุการณ์ 9/11 ของเรา พวกเขาเล่นงานเราเข้าแล้ว พวกเขาเซอร์ไพรส์เราและเข้ามาอย่างรวดเร็วจากหลายจุด ทั้งทางอากาศ พื้นดิน และทะเล”
โอซามา ฮัมดัน ตัวแทนกลุ่มฮามาสในเลบานอนเผยกับ Reuters ว่า การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าชาวปาลสไตน์มีความตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง "โดยไม่คำนึงถึงอำนาจและความสามารถทางทหารของอิสราเอล"
อิสราเอลถูกฮามาสตบตา
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสเผยกับ Reuters ว่า หนึ่งในการเตรียมตัวโจมตีที่โดดเด่นคือ ฮามาสจำลองชุมชนของอิสราเอลในกาซาเพื่อฝึกซ้อมการลงสู่พื้นเป้าหมายและการโจมตี และว่าฮามาสถึงขั้นถ่ายคลิปการฝึกซ้อมนี้ด้วย
แหล่งข่าวรายนี้เผยอีกว่า “อิสราเอลเห็นพวกเขาแน่แต่อิสราเอลก็เชื่อว่าฮามาสไม่ต้องการการเผชิญหน้า” ในขณะที่กลุ่มฮามาสพยายามทำให้อิสราเอลเชื่อว่าฮามาสให้ความสำคัญกับการมีงานทำของคนในฉนวนกาซามากกว่าและไม่สนใจที่จะเริ่มสงครามครั้งใหม่ “ฮามาสสามารถสร้างภาพได้ว่ายังไม่พร้อมสู้รบทางทหารกับอิสราเอล”
นับตั้งแต่ทำสงครามกับฮามาสเมื่อปี 2021 อิสราเอลได้พยายามสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในฉนวนกาซาด้วยการเสนอสิ่งจูงใจ รวมทั้งออกใบอนุญาตให้ชาวกาซาทำงานในอิสราเอลหรือในเขตเวสต์แบงก์ซึ่งค่าตอบแทนสำหรับงานก่อสร้าง งานด้านเกษตรกรรม หรืองานบริการสูงกว่าที่จ่ายในกาซาถึง 10 เท่า
ตัวแทนจากกองทัพอิสราเอลอีกคนหนึ่งเผยว่า “เราเชื่อว่าถ้าพวกเขาเข้ามาทำงานและนำเงินกลับไปที่กาซาจะสร้างความสงบได้ระดับหนึ่ง แต่เราคิดผิด”
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงอิสราเอลรายหนึ่งยอมรับว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอลถูกฮามาสหลอก “พวกเขาทำให้เราเชื่อว่าพวกขาต้องการเงิน และพวกเขาฝึกซ้อมและซ้อมรบมาตลอดเวลาจนกระทั่งพวกเขาก่อจลาจล”
ฮามาสหลีกเลี่ยงการปะทะกับทหารอิสราเอลตลดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อตบตาอิสราเอล แม้ว่ากลุ่มติดอาวุธอีกกลุ่มหนึ่งในฉนวนกาซาที่ชื่อว่า อิสลามิคญีฮัด จะโจมตีและยิงจรวดใส่อิสราเอลหลายครั้งก็ตาม
ไม่ระแคระคาย
แหล่งข่าวเผยอีกว่า การยอมรามือของกลุ่มฮามาสทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้สนับสนุนกลุ่มบางส่วน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างภาพว่าฮามาสกังวลเรื่องเศรษฐกิจและไม่มีเรื่องสงครามครั้งใหม่อยู่ในหัว
ในเขตเวสต์แบงก์ซึ่งควบคุมโดยประธานาธิบกี มาห์มู้ด อับบาส ของปาเลสไตน์และกลุ่มฟะตะห์ มีการล้อเลียนกลุ่มฮามาสที่ยอมอยู่เงียบๆ แถลงการณ์ฉบับหนึ่งของกลุ่มฟะตะห์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วกล่าวหาว่าหัวหน้ากลุ่มฮามาสหนีไปอยู่ตามเมืองหลวงของอาหรับแล้วใช้ชีวิตอยู่ใน “โรงแรมและวิลล่าหรูหรา” ปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างยากจนในกาซา
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิสราเอลคนที่ 2 เผยกับ Reuters ว่า มีช่วงหนึ่งที่อิสราเอลเชื่อว่า ยาห์ยา อัล-ซินวาร์ ผู้นำขบวนการในฉนวนกาซา หมกมุ่นอยู่กับการจัดการฉนวนกาซา “แทนที่จะฆ่าชาวยิว” และในเวลาเดียวกันอิสราเอลก็หันเหความสนใจไปจากกลุ่มฮามาส เนื่องจากอิสราเอลมุ่งผลักดันให้เกิดการเจรจาเพื่อทำให้ความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นปกติ
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสเผยอีกว่า แต่ไหนแต่ไรมาอิสราเอลภาคภูมิใจในความสามารถในการแทรกซึมและติดตามกลุ่มติดอาวุธของตัวเองมาก ดังนั้นส่วนสำคัญของแผนก็คือต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการรั่วไหลออกมา และว่าผู้นำฮามาสหลายคนไม่รู้แผนการ และตอนฝึกซ้อม นักรบ 1,000 คนที่ถูกนำมาประจำการไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการฝึก
แหล่งข่าวรายนี้เผยว่า เมื่อถึงวันที่กำหนด การปฏิบัติการถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน การเคลื่อนไหวแรกคือ การโจมตีด้วยจรวด 3,000 ลูกที่ยิงจากฉนวนกาซาที่ทำพร้อมกับการบุกของนักรบที่ใช้พาราไกลเดอร์บินข้ามพรมแดน เมื่อนักรบจากพาราไกลเดอร์ลงสู่พื้นดินเพื่อยึดพื้นที่แล้ว หน่วยคอมมานโดจะจู่โจมกำแพงซีเมนต์ที่กั้นระหว่างกาซาและชุมชนชาวยิวซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยอิสราเอลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแทรกซึมเข้าประเทศ
บรรดานักรบฮามาสใช้ระเบิดทำลายกำแพงและสิ่งกีดขวางจากนั้นจึงข้ามพรมแดนเข้าอิสราเอลอย่างรวดเร็วด้วยรถมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังใช้รถแทรกเตอร์ช่วยทำลานสิ่งกีดขวางเพื่อขยายช่องทางให้นักรบที่มาพร้อมกับระกระบะ
ความล้มเหลวครั้งใหญ่
แหล่งข่าวเผยว่า หน่วยคอมมานโดหน่วยหนึ่งได้จู่โจมหน่วยบัญชาการของทัพอิสราเอลทางตอนใต้ของกาซาและรบกวนสัญญาณการสื่อสาร เพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่อิสราเอลส่งข่าวระหว่างกัน และส่วนสุดท้ายทำหน้าที่ย้ายตัวประกันเข้าไปในกาซาซึ่งส่วนใหญ่ทำสำเร็จตั้งแต่การโจมตีช่วงแรกๆ
ในการจับกุมตัวประกันที่ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางครั้งหนึ่ง นักรบได้ลักพาตัวผู้ร่วมปาร์ตี้ที่กำลังหลบหนีจากการชุมนุมประท้วงใกล้กับนิคมของเรอิมของอิสราเอลใกล้กับฉนวนกาซา ภาพในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นผู้คนหลายสิบคนวิ่งอยู่ในพื้นที่โล่งและบนถนนขณะที่เสียงปืนดังไล่หลัง
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิสราเอลเผยว่า กองทัพอิสราเอลมีกองกำลังไม่เต็มอัตราทางตอนใต้ใกล้กับฉนวนกาซา เนื่องจากบางส่วนถูกส่งไปยังเขตเวสต์แบงก์เพื่อปกป้องชุมชนชาวอิสราเอลหลังมีการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นระหว่างชาวอิสราเอลกับกองกำลังปาเลสไตน์ กลุ่มฮามาสจึงใช้ช่องว่างนี้
นายพล ยาคอป อามิดรอร์ ซึ่งเกษียณราชการแล้วและเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึง “ความล้มเหลวครั้งใหญ่ของระบบข่าวกรองและระบบกองทัพทางตอนใต้”
