แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ก็เป็นพนักงานของรัฐบาลกลางคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจะได้รับเงินเดือนเหมือนพนักงานราชการคนอื่นๆ แต่จะสูงกว่าก็เท่านั้นเอง ทว่าเงินเดือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และไม่ได้ปรับขึ้นมานานกว่า 20 ปีแล้ว
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ประธานาธิบดีต้องรับเงินเดือน โดยกฎเกณฑ์เรื่องเงินเดือนถูกกำหนดมาเพื่อให้แน่ใจว่า ‘การขาดความมั่งคั่งส่วนบุคคล’ จะไม่ขัดขวางการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกมา
แล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เงินเดือนคนละเท่าไร...
ตามประมวลกฎหมายของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีจะได้รับเงินเดือน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 13 ล้านบาท) จ่ายจำนวนนี้ทุกเดือน และไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2001 แล้ว แม้ว่าเงินเดือนประจำปีจะดูสูงลิ่วเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเงินเดือนของคนอเมริกัน แต่เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อและเงินเดือนประธานาธิบดีในอดีตแล้วก็ยังถือว่า ‘ไม่สูงมาก’
นอกจากนี้ยังมีเบี้ยเลี้ยง และสิทธิพิเศษ :
- ค่าเบี้ยเลี้ยงรวม 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 1.7 ล้านบาท) สำหรับค่าใช้จ่าย เช่น เสื้อผ้า
- 19,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 6.4 แสนบาท) สำหรับความบันเทิง และต้อนรับแขกจากต่างประเทศ
- 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 3.4 ล้านบาท) เพื่อซ่อมแซม หรือตกแต่งทำเนียบขาวใหม่หลังเข้ารับตำแหน่ง
- 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 3.4 ล้านบาท) ค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง
- บริการดูแลสุขภาพฟรีจากแพทย์ประจำทำเนียบขาว
- รถลีมูซีนหุ้มเกราะประจำตำแหน่ง, เฮลิคอปเตอร์ของนาวิกโยธิน, และเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน
- ได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยจากหน่วยข่าวกรองตลอด 24 ชั่วโมง
- หลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีจะได้เงินบำนาญ 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 7.8 ล้านบาท)
เงินเดือนประธานาธิบดีตลอดประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
รัฐสภาได้ปรับขึ้นเงินเดือนประธานาธิบดีเพียง 5 ครั้งเท่านั้น ประธานาธิบดีไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้ในขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ การขึ้นเงินเดือนส่วนใหญ่มักเป็นของขวัญที่ประธานาธิบดีคนก่อนมอบให้กับประธานาธิบดีคนต่อไป
และนี่คือเงินเดือนของประธานาธิบดีตลอดประวัติศาสตร์ประเทศ :
- ปี 1789 / จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรก / เงินเดือนอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 8.5 แสนบาท)
- ปี 1873 / ยูลิสซิส เอส. แกรนท์ ประธานาธิบดีคนที่ 18 อนุมัติขึ้นเงินเดือนสำหรับการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 เป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 1.7 ล้านบาท)
- ปี 1909 / วิลเลียม แทฟท์ ประธานาธิบดีคนที่ 27 ได้รับเงินเดือน 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 2.5 ล้านบาท)
- ปี 1949 / แฮร์รี เอส.ทรูแมน ประธานาธิบดีคนที่ 33 ได้รับเงินเดือน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี(ราว 3.4 ล้านบาท)
- ปี 1969 / ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีคนที่ 37 ได้รับเงินเดือน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 6.9 ล้านบาท)
- ปี 2001/ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีคนที่ 43 ได้รับเงิน 400,000 ดอลลาร์ สหรัฐ/ปี (ราว 13 ล้านบาท)
ประธานาธิบดีคนไหนบ้าง...ที่ไม่รับเงินเดือน
ที่ผ่านมามีประธานาธิบดี 4 คนปฏิเสธที่จะรับเงินเดือนทั้งหมด แต่กลับบริจาคเงินเดือนทั้งหมด หรือบางส่วนแทน
- โดนัลด์ ทรัมป์ บริจาคเงินเดือนประจำปี 400,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2020 ทรัพย์สินสุทธิของทรัมป์อยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.3 แสนล้านบาท) ทำให้เขากลายเป็น ‘ประธานาธิบดีที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์’
- จอห์น เอฟ.เคนเนดี บริจาคเงินเดือน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับการกุศลขณะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 14 ปี เนื่องจากเขาได้รับเงินจากกองทุนหลายล้านดอลลาร์
- เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ บริจาคเงินเดือนบางส่วนของเขาให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ และมอบเงินให้กับพนักงาน
- จอร์จ วอชิงตัน ไม่ขอรับเงินเดือน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐในตอนแรก นอกจากนี้ ตอนที่วอชิงตันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารของประเทศ เขาก็ยังไม่ขอรับเงินเดือนอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเดือนผู้นำโลกคนอื่นๆ...

เงินเดือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับเงินเดือนในหมู่ผู้นำประเทศทั่วโลก ทั้งนี้พบว่า ‘ลอว์เรนซ์ หว่อง’ นายกฯ สิงคโปร์ เป็นผู้นำที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดในโลก โดยได้รับเงินเดือนเท่ากับ 1,320% ของ GDP ต่อหัวของสิงคโปร์ ขณะที่เงินเดือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 606% ของ GDP ต่อหัวของสหรัฐฯ
ความแตกต่างนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาในประเทศอื่นๆ เช่น เคนยา พบว่าเงินเดือนของประธานาธิบดีวิลเลียม รูโต อยู่ที่ 2,360% ของ GDP ต่อหัวของเคนยา ความแตกต่างดังกล่าวเน้นให้เห็นความแตกต่างของเงินเดือนของผู้นำทั่วโลก ซึ่งมักได้รับอิทธิพลจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศและโครงสร้างของรัฐบาล
แม้ว่าเงินเดือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะค่อนข้างสูงในประเทศ แต่ในระดับโลกนั้นถือว่ายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้นำคนอื่นๆ