กลุ่มกบฏเมียนมาได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง หลังจากบุกยึดฐานทัพของทหารรัฐบาลได้อยู่เรื่อยๆ โดยมีกองกำลังป้องกันชนชาติกะเรนนี (KNDF) อยู่เบื้องหลัง จนกลายเป็นกลุ่มกบฏที่แข็งแกร่งที่สุดที่ต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลทหารเมียนมาในรัฐกะยา แม้ว่าจะเป็นรัฐที่เล็กที่สุดในแง่ของขนาด แต่กะยาก็กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของการกลุ่มต่อต้านติดอาวุธ
KNDF เกิดจากคณะกรรมการประท้วงสาธารณะต่อต้านรัฐประหารของกะยา ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังจากการรัฐประหารของทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ภายหลังจากการปราบปรามของทหารอย่างโหดร้ายต่อการประท้วงอย่างสันติ คณะกรรมการจึงตัดสินใจจับอาวุธลุกขึ้นสู้กับรัฐบาล
KNDF สนับสนุนลัทธิสหพันธรัฐหรือการแบ่งปันอำนาจระหว่างสหภาพและรัฐบาลของรัฐด้วยการตัดสินใจของตัวเองและการบริหารตัวเองสำหรับรัฐชาติพันธุ์
ความสามารถในการรบของกองกำลัง ‘KNDF’
แม้ว่า KNDF จะก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ก็กลายเป็นกลุ่มติดอาวุธที่แข็งแกร่งและใหญ่ที่สุดในรัฐกะเรนนี ขณะนี้กองกำลัง KNDF มีกองพัน 22 กองพัน และกำลังทหารมากกว่า 7,000 นาย
ตามรายงานของแหล่งข่าวระบุว่า แม้ KNDF จะไม่เปิดเผยอาวุธของตัวเองต่อสาธารณะ แต่กองทหารส่วนใหญ่ที่สู้รบในแนวหน้านั้นติดอาวุธด้วยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ โดย KNDF ได้เรี่ยไรเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไปเพื่อซื้อปืนกลเหล่านั้น
นอกจากนี้ KNDF ยังได้รับการฝึกทหารจากกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง กองกำลังติดอาวุธของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ตลอดจนความช่วยเหลือด้านวัตถุจากการสู้รบระหว่างกองทัพพม่า (EAOs) อีก 3 แห่ง ได้แก่ กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาร์ กองทัพอาระกัน และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง
รายงานของ KNDF เกี่ยวกับการสู้รบในช่วง 2 ปีระบุว่า ทหารของรัฐบาลเผด็จการถูกสังหารทั้งหมด 2,065 นาย ในขณะที่ KNDF เสียชีวิต 153 ราย และมีพลเรือน 152 คนเสียชีวิตในการปะทะด้วย
“ผมเชื่อว่าเราจะบรรลุชัยชนะทางทหารครั้งสำคัญในปี 2023 และผมขอเรียกร้องให้สหาย KNDF ทำงานหนักขึ้น เรารู้สึกขอบคุณประชาชน เราจำเป็นต้องป้องกันคำพูดที่แสดงความเกลียดชังทางเชื้อชาติและศาสนา เราจะจัดหาหมวกกันน็อคและเสื้อแจ็กเก็ตกันกระสุนเพิ่มเติมเพื่อปกป้องสหายของเรา” คุณเบดู อดีตประธานพรรคแห่งชาติกะยันเผย
Photo by Handout / KARENNI NATIONALITIES DEFENSE FORCE (KNDF) / AFP