ขณะนี้ไฟป่าในลอสแอนเจลิสยังเหลืออีก 3 แห่งที่ยังดับไม่หมด ได้แก่ เขตไฟป่าพาลิเซดส์ (ควบคุมได้แล้ว 14%) เขตไฟป่าอีตัน (ควบคุมได้แล้ว 33%) และเขตไฟป่าเฮิร์สต์ (ควบคุมได้แล้ว 95%) ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งดับไฟก่อนที่ลมกระโชกแรงจะพัดกลับมาอีกรอบซึ่งอาจแรงถึง 112 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 24 ราย อพยพแล้วเกือบ 200,000 ราย
ในขณะที่หลายๆ คนต่างอพยพหนีไฟป่า บางคนก็หนีไม่ทัน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเข้าช่วยเหลือ แต่ในเคสของ ‘ทริสติน เปเรซ’ ช่างไม้วัย 34 ปี เขายังคงยืนกรานที่จะปกป้องบ้านของเขาในย่านที่พักอาศัยอัลทาดีนา ใกล้กับเขตไฟป่าอีตัน
เปเรซเล่าว่า ตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ที่นี่ต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับการสำลักควันไฟ และสภาพที่คุกคามชีวิต ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้เขาและเพื่อนบ้านอพยพออกไปในช่วงเช้าของวันพุธ (8 ม.ค.) เนื่องจากไฟกำลังลุกลามลงมาจากเนินเขา
ถึงกระนั้น เปเรซยังคงยืนกรานที่จะพยายามรักษาทรัพย์สินของเขาและบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ริมถนนเอล โมลิโน เปเรซไม่มีแม้แต่สายยางรดน้ำด้วยซ้ำ เขาจึงคว้าเหยือกน้ำ 2 ใบมาราดน้ำลงบนพื้นดิน รั้วไม้ และถ่านไฟที่คุอยู่
“สนามหญ้าหน้าบ้านของคุณถูกไฟไหม้ ต้นปาล์มกำลังไหม้ มันดูเหมือนฉากในภาพยนตร์ ผมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องบ้านของผมไว้ รวมถึงบ้านของเพื่อนบ้านด้วย” เปเรซให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters
ดูเหมือนน่าเหลือเชื่อ แต่บ้านชั้นเดียวของเปเรซ และบ้านอีก 2 หลังข้างๆ นั้นรอดไฟป่ามาได้ ขณะที่บ้านฝั่งตรงข้าม กลับถูกไฟไหม้จนวอดทั้งหลัง มองไปเห็นเพียงปล่องไฟอิฐที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางซากปรักหักพัง
“เมื่อคุณมองออกไปนอกถนน...ถ้าผมไม่อยู่ที่นี่ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมรู้สึกแย่กับพวกเขามาก มันแย่มากจริงๆ” เปเรซ บอก
เปเรซเผยว่า เขาเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาย้ายมาอยู่ในย่านอัลทาดีนาเมื่อ 3 ปีก่อนและเช่าห้องชุด 2 ห้องนอน เขาตกหลุมรักชุมชนที่เงียบสงบและผูกพันกับเพื่อนบ้านที่นี่ที่ทั้งเป็นมิตรและคอยดูแลซึ่งกันและกัน
เปลวไฟที่ลามอย่างรวดเร็ว...

เปเรซเล่ารายละเอียดอันน่าสลดใจเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ที่เขตไฟป่าอีตันซึ่งลุกลามอย่างรวดเร็วในช่วงเช้าของวันพุธว่า “สัญญาณแรกที่มีสิ่งผิดปกติปรากฏขึ้นในเย็นวันอังคาร (7 ม.ค.) เพื่อนบ้านของเขาเห็นแสงสลัวๆ ที่อยู่ไกลออกไป บอกตามตรง ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นภัยคุกคามมากนัก เพียงเพราะว่ามันอยู่ไกลออกไป”
“ลมเริ่มพัดไฟเข้ามา ไฟกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มันดูเหมือนฟุตบอลไฟกำลังกลิ้งลงมาจากหุบเขา...” จากนั้นเขาและเพื่อนบ้านก็มองไม่เห็นเปลวไฟอีกเลย แต่ไม่นานทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อมองไปบนถนนที่อยู่ห่างออกไป 180 เมตร เขาก็เห็นบ้านเรือนและธุรกิจทั้งหมดถูกไฟไหม้หมด เปเรซจึงบอกให้เพื่อนบ้านรีบออกไป
“ผมเห็นนักดับเพลิง ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นผมจึงอยากทำหน้าที่ของตัวเอง” เปเรซ เล่า ในตอนนั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไม่ให้ผู้คนอยู่ในบ้านระหว่างเกิดไฟป่า เนื่องจากอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยและเจ้าหน้าที่กู้ภัยตกอยู่ในอันตรายได้ แต่เปเรซรู้สึกว่าเขามีโอกาสดับไฟได้เพราะบ้านของเขามีลานดินเปล่าๆ ที่ไฟไม่ได้ลุกไหม้ ทว่าบ้านของเพื่อนบ้านฝั่งเหนือกลับเก็บกล่องกระสุนไว้ในบ้านพวกเขาด้วย
ไม่นาน เสียงระเบิดก็เริ่มดังขึ้น ในตอนนั้นเปเรซเล่าว่า เขาหายใจแทบไม่ออก และรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านขาของเขาในขณะที่ยืนอยู่ในสนามหญ้า “กระสุนปืนพุ่งกระจาย ถังแก๊สระเบิด ถ่านไฟคุตกลงมา มองไม่เห็นอะไรเลย” เปเรซ เล่า
เปเรซยังบอกอีกว่า เขาสาดน้ำใส่บ้านอยู่หลายชั่วโมงตลอดทั้งคืน ทำให้บ้านของเขายังคงตั้งตระหง่านอยู่ ท่ามกลางซากปรักพังของบ้านหลังอื่นๆ ที่ถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง
เมื่อวันเสาร์ (11 ม.ค.) ที่ผ่านมา เปเรซซึ่งสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสีดำ กำลังกวาดกิ่งไม้และพุ่มไม้บริเวณทางเข้าบ้าน ขณะที่มุมหน้าบ้านของเขามีไฟไหม้ รั้วไม้สีขาวของเขาถูกไฟไหม้ไปหลายจุด
อย่างไรก็ดี แม้ว่านักดับเพลิงจะสามารถควบคุมเขตไฟป่าอีตันไปได้บ้างแล้วตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ แต่เปเรซเผยว่า เขากำลังเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่จะกลับมาอีกหากลมเปลี่ยนทิศทาง
“ขอพระเจ้าอย่าให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเลย...” เปเรซ กล่าว พร้อมบอกอีกว่า เขามีแผนที่จะอาสาทำความสะอาดชุมชนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อช่วยให้ร้านอาหารและธุรกิจในท้องถิ่นกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง
Photo by Frederic J. BROWN / AFP