สหรัฐฯ เตรียมแบน ‘TikTok’ จะเป็นไปได้แค่ไหน?

14 มีนาคม 2567 - 10:39

is-the-usreally-preparing-to-ban-tiktok-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ในตอนนี้จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ‘TikTok’ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ…

  • มีความเป็นไปได้ไหมที่กฎหมายนี้จะร่างขึ้นมาเพื่อแบน ‘TikTok’ โดยเฉพาะ? แล้วผลกระทบต่อผู้ใช้ 170 ล้านบัญชีในสหรัฐฯ ล่ะ?

สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายเมื่อวันพุธ (13 มี.ค.) กำหนดให้บริษัทแม่ของ ‘TikTok’ อย่างไบท์แดนซ์ (ByteDance) ขายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียวิดีโอสุดฮิตนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกแบนนไปโดยปริยายในสหรัฐฯ 

ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งต่อจากสภาผู้แทนราษฎรไปที่วุฒิสภาแล้ว ซึ่งจะผ่านไหมนั้นยังไม่แน่นอน แต่ด้วยการสนับสนุนอย่างถล่มทลายในสภา 352 เสียงจากสมาชิกสภาคองเกรสที่ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายนี้ และมีเพียง 65 เสียงเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ‘TikTok’ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ 

มีความเป็นไปได้ไหมที่กฎหมายนี้จะร่างขึ้นมาเพื่อแบน ‘TikTok’ โดยเฉพาะ? ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้แค่ไหน แล้วผลกระทบต่อผู้ใช้ 170 ล้านบัญชีในสหรัฐฯ ล่ะ? 

สหรัฐฯ กำลังพยายามแบน ‘TikTok’ จริงๆ หรือไม่?

ร่างกฎหมายในสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาถือเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดที่กำลังเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มวิดีโอยอดฮิตดังกล่าว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากเปิดตัวในปี 2017 โดยมียอดดาวน์โหลดแซงหน้า Facebook, Instagram, Snapchat และ YouTube อย่างรวดเร็วในปี 2018 ทั้งนี้พบว่า จำนวนผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้น 45% ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2020 ถึงกรกฎาคม 2022 อีกด้วย 

ด้วยความนิยมของ ‘TikTok’ ที่พุ่งแรงอย่างมากทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติบางคนตื่นตระหนก พวกเขาเชื่อว่าบริษัทแม่ในจีนของ ‘TikTok’ สามารถรวบรวมข้อมูลบัญชีผู้ใช้และเซ็นเซอร์เนื้อหาที่ขัดแย้งกับรัฐบาลจีนได้ ขณะที่ทาง ‘TikTok’ ย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลบัญชีผู้ใช้ของสหรัฐฯ กับรัฐบาลจีน แต่ทว่าข้อกังวลของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ กลับรุนแรงขึ้นจากการสอบสวนข่าวที่แสดงให้เห็นว่าพนักงานไบท์แดนซ์ในจีนได้เข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้ ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ ที่บอกว่าจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ 

‘TikTok’ แย้งว่าข้อมูลผู้ใช้ของสหรัฐฯ ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในประเทศจีน แต่ถูกเก็บไว้ในสิงคโปร์และสหรัฐฯ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งผ่านระบบคลาวด์ที่ดำเนินการโดย ‘Oracle’ บริษัทสัญชาติอเมริกัน นอกจากนี้ ในปี 2023 ‘TikTok’ ยังได้เปิดศูนย์ข้อมูลในไอร์แลนด์เพื่อจัดการข้อมูลพลเมืองของสหภาพยุโรปด้วย

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2023 ‘โจวโซ่วจือ’ ซีอีโอของ ‘TikTok’ ก็ถูกเรียกมาให้การต่อสภาคองเกรส และต้องเผชิญกับการตั้งคำถามอย่างดุเดือดนานกว่า 5 ชั่วโมงเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเหล่านี้และแนวปฏิบัติอื่นๆ ความพยายามต่างๆ มากมายในการตรวจสอบ ‘TikTok’ และวิธีการจัดการกับข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสภาคองเกรสตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการลงมติผ่านร่างกฎหมายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  

ร่างกฎหมายนี้จะแบน ‘TikTok’ จริงๆ ใช่ไหม?

ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่นี้ ไบท์แดนซ์จะมีเวลา 165 วันในการขายแพลตฟอร์ม ‘TikTok’ ให้กับบริษัทที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในจีน หากไม่เป็นเช่นนั้น ‘TikTok’ จะถูกบล็อกทาง App Store รวมถึง Apple App Store และ Google Play  

ผู้เขียนร่างกฎหมายดังกล่าวแย้งว่ามันไม่ถือเป็น ‘การแบน’ เนื่องจากนี่เป็นการเปิดโอกาสให้ไบท์แดนซ์ขาย ‘TikTok’ และหลีกเลี่ยงการถูกบล็อกในสหรัฐฯ ก็แค่นั้น

“TikTok จะสามารถอยู่ต่อไปได้ และผู้คนก็สามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้ เพราะแยกกับไบท์แดนซ์แล้ว…มันไม่ใช่การแบน แต่ให้คิดซะว่านี่เป็นการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก และด้วยเหตุนี้จึงช่วยรักษาผู้ป่วยได้”

ไมค์ กัลลาเกอร์ สส.จากพรรครีพับลิกันกล่าว

แต่ ‘TikTok’ แย้งว่ายังไม่ชัดเจนว่าจีนจะอนุมัติการขายหรือสามารถทำการขายให้เสร็จสิ้นได้ภายใน 6 เดือนหรือไม่ 

“กฎหมายนี้มีผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า นั่นคือ ‘การแบน TikTok’ ในสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์ รัฐบาลกำลังพยายามที่จะริบสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการแสดงออกอย่างเสรีของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน สิ่งนี้จะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจนับล้าน และทำลายวิถีชีวิตของเหล่านักสร้างคอนเท้นต์จำนวนนับไม่ถ้วนทั่วประเทศ” บริษัทกล่าว 

‘TikTok’ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

is-the-usreally-preparing-to-ban-tiktok-SPACEBAR-Photo01.jpg

‘TikTok’ เผชิญหน้ากับการแบนและพยายามแบนหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2020 ซึ่งท้ายที่สุดก็ถูกศาลขัดขวางจากการแก้ไขกฎหมายครั้งแรก แต่ต่อมา ทรัมป์ก็เปลี่ยนจุดยืนของเขา และคัดค้านการแแบน ‘TikTok’ ในทางตรงกันข้าม โจ ไบเดน กลับบอกว่าเขาจะลงนามในร่างกฎหมายนี้หากกระบวนการดำเนินมาถึงเขา 

ขณะที่รัฐมอนตานาเองก็พยายามแบนแอปฯ นี้ทั่วทั้งรัฐในปี 2023 แต่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวเนื่องจากละเมิดรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 แอปฯ นี้ถูกแบนบนโทรศัพท์ของรัฐบาลในสหรัฐฯ เมื่อปี 2022 และในปี 2023 ก็มีรัฐอย่างน้อย 34 รัฐที่แบน ‘TikTok’ จากอุปกรณ์ของรัฐบาลเช่นกัน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอย่างน้อย 50 แห่งในสหรัฐฯ ก็แบน ‘TikTok’ จาก WIFI ในมหาวิทยาลัยและคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยด้วย 

Reuters รายงานว่า “เมื่อเดือนมีนาคม 2023 คณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐฯ ที่นำโดยกระทรวงการคลัง (CFIUS) ก็เรียกร้องให้ไบท์แดนซ์ขายหุ้น ‘TikTok’ ของตัวเอง ไม่เช่นนั้นแอปฯ อาจถูกแบน” แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ 

นอกจากนี้ ‘TikTok’ ยังถูกแบนในอินเดียเมื่อปี 2020 หลังจาก ‘การทำชาเลนจ์’ ที่เป็นอันตรายมากมายส่งผลให้ผู้ใช้บางรายเสียชีวิต การแบนดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแข่งขันในอินเดีย โดยเฉพาะวิดีโอแนวตั้ง Youtube’s Shorts และ Instagram Reels ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ ‘TikTok’  

ทั้งนี้ ในจีนไม่มี TikTok แต่จะมีแอปฯ ‘โต่วอิน’ (Douyin) ที่แยกจากบริษัทแม่อย่างไบท์แดนซ์ที่มีการกลั่นกรองที่เข้มข้นกว่า ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในจีน 

การแบน ‘TikTok’ จะถูกบังคับใช้อย่างไร?

ในทางเทคนิคแล้ว เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายแบบเปิดและถูกควบคุมโดยคนจำนวนมาก การแบนแอปฯ ดังกล่าวจึงค่อนข้างมีความซับซ้อน แต่อาจจะทำด้วยวิธีเหล่านี้ : 

  • แบนแอปสโตร์ที่อนุญาตให้มีการดาวน์โหลดแอปฯ แต่สำหรับผู้ใช้ที่มีแอปฯ บนโทรศัพท์อยู่แล้วนั้น การหยุดใช้งานส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่อง ‘ยาก’ 
  • ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอาจถูกบังคับให้บล็อกที่อยู่ IP ที่เกี่ยวข้องกับบัญชี ‘TikTok’ แต่แนวทางดังกล่าวสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดายบนเบราว์เซอร์ของคอมพิวเตอร์โดยใช้ ‘VPN’ หรือใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (virtual private network) ซึ่งจะเปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ 
  • เพื่อจำกัดการเข้าถึง ‘TikTok’ โดยสมบูรณ์ รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องใช้วิธีการแบบประเทศต่างๆ เช่น อิหร่านและจีน ซึ่งจัดโครงสร้างอินเทอร์เน็ตในลักษณะที่ทำให้การจำกัดเนื้อหาสามารถบังคับใช้ได้ง่ายขึ้น 

อนาคต ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไป?

แม้ร่างกฎหมายนี้จะผ่านไปถึงสภาแล้ว ทว่ามันก็ยังคงเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากและท้าทายเพื่อให้กลายเป็นกฎหมายบังคับใช้ ถึงไบเดนจะยืนยันว่าเขาจะลงนาม แต่ก็ยังต้องผ่านการลงคะแนนเสียงของวุฒิสภา ซึ่งไม่ชัดเจนว่าการลงคะแนนเสียงจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่มีแนวโน้มว่า ‘TikTok’ มีแนวโน้มที่จะพยายามล็อบบี้ เนื่องจาก ‘โจวโซ่วจือ’ ก็มุ่งหน้าไปที่สภาคองเกรสในวันพุธเพื่อพูดคุยกับเหล่าวุฒิสมาชิกด้วยเหมือนกัน 

คงต้องรอติดตามตอนต่อไปว่าอนาคต ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ จะ ‘อยู่’ หรือ ‘ไป’? เพราะร่างกฎหมายก็ยังเหลืออีกหลายขั้นตอนกว่าจะได้บังคับใช้เป็นกฎหมายจริงๆ ซึ่งระหว่างนี้ซีอีโออย่าง ‘โจวโซ่วจือ’ ก็คงจะไม่อยู่เฉยเหมือนกัน เกมการเมือง ‘TikTok’ ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะไปจบที่ตรงไหน? แล้วผู้ใช้ ‘TikTok’ 170 ล้านบัญชีจะมีปฏิกริยาอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์