การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ หัวหน้ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยการทิ้งระเบิดกว่า 80 ลูก บางลูกหนักกว่า 2,000 ปอนด์ (ราว 907 กิโลกรัม) ใส่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ที่อยู่ใต้ดินตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเบรุตขณะที่ผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์กำลังประชุมกันอยู่ แสดงให้เห็นถึงความล้ำลึกของปฏิบัติการข่าวกรองอิสราเอลที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และติดตามผู้นำกลุ่มที่แหล่งที่อยู่เป็นความลับมานานหลายปีจนนำมาสู่การสังหารครั้งนี้
การสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์เกิดขึ้นราว 1 สัปดาห์หลังจากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารวอล์กกีทอล์กกีของสมาชิกกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อรวมนาสรัลเลาะห์แล้วอิสราเอลกำจัดผู้นำและผู้บัญชาการกองกำลังไปได้ถึง 8 จาก 9 คน โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
The Wall Street Journal รายงานว่า อิสราเอลใช้เวลาหลายเดือนวางแผนว่าจะใช้ “ระเบิดตามกำหนดเวลา” ในบังเกอร์ที่อยู่ใต้อาคารที่พักอาศัยซึ่งนาสรัลเลาะห์อยู่ในนั้น “โดยที่ระเบิดแต่ละลูกเป็นการทางให้ระเบิดลูกต่อมา” และยังรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่งว่า ช่วงเวลาการโจมตีเป็นเรื่องของการ “ฉวยโอกาส” ที่เกิดขึ้นหลังจากข่าวกรองอิสราเอลทราบเรื่องการประชุมของหัวหน้ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์ล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ความสำเร็จของหน่วยข่าวกรองอิสราเอลในการระบุตำแหน่งของนัสรุลเลาะห์ และแทรกซึมเข้าไปในวงในของฮิซบุลเลาะห์ จนขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในปฏิบัติการรวบรวมข่าวกรองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการโจมตีครั้งนี้เป็น “ความสำเร็จของการข่าวกรองที่เหนือชั้นมาก ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังทำให้เห็นว่าอิสราเอลแทรกซึมเข้าไปในฮิซบุลเลาะห์ได้อย่างล้ำลึก”
เจมส์ ดอร์ซีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง
หลังสงครามกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในปี 2006 อิสราเอลก็หันมาทุ่มเทให้กับการข่าวกรองอย่างการดักฟังการติดต่อสื่อสารของกลุ่มและติดตามตัวผู้นำกลุ่มในสงครามเงาที่นำมาสู่การปลิดชีพนาสรัลเลาะห์
แหล่งข่าวที่คุ้นชินกับวิธีการคิดของอิสราเอลเผยกับ Reuters ก่อนการสังหารไม่ถึง 24 ชั่วโมงว่า อิสราเอลใช้เวลากว่า 20 ปีในการทำการข่าวกรองเกี่ยวกับฮิซบุลเลาะห์และโจมตีนาสรัลเลาะห์ได้ทุกเมื่อที่อิสราเอลต้องการ รวมทั้งที่สำนักงานใหญ่ด้วย
ด้าน มิริ ไอเซน อดีตพันเอกหญิงของกองกำลังป้องกันอิสราเอลเผยว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นผลมาจากการทำงานอย่างครอบคลุม “ศักยภาพของอิสราเอลเมื่อต้องต่อกรกับฮิซบุลลาะห์แสดงให้เห็นความล้ำลึกของการแทรกแซงการติดต่อสื่อสารของฮิซบุลเลาะห์ นี่ไม่ใช่อะไรที่ถูกคิดขึ้นมาในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาหลังจากฮิซบุลลาะห์เริ่มโจมตทางเหนือแน่นอน”

นอกจากหน่วย “มอสซาด” แล้วอิสราเอลยังมีไม้ตายสำคัญอย่าง “Unit 8200” หรือหน่วยข่าวกรองทหารมือฉมังที่เชื่อว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารระเบิดในเลบานอน
Unit 8200 ได้สร้างเครื่องมือทางไซเบอร์ล้ำๆ ขึ้นมาเพื่อดักฟังโทรศัพท์มือถือและช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ ของฮิซบุลเลาะห์ แล้วตั้งทีมขึ้นมาใหม่ภายในหน่วยรบ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลอันมีค่าจะถูกส่งต่อไปยังทหารและกองทัพอากาศอย่างรวดเร็ว
อิสราเอลยังส่งโดรนและดาวเทียมที่ทันสมัยขึ้นบินเหนือเลบานอนเพิ่มขึ้นเพื่อถ่ายภาพฐานที่มั่นของฮิซบุลเลาะห์และบันทึกการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยของสิ่งก่อสร้างที่อาจจะเป็นคลังอาวุธ ซึ่งเป็นงานที่อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิสราเอลรายหนึ่งเรียกว่าเป็น “งานที่เหนื่อยยากและไม่มีวันจบสิ้น” และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกองทัพอากาศอิสราเอลก็ถล่มเป้าหมายเหล่านี้หลายจุด
Unit 8200 ยังร่วมมือกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของ “ศัตรูร่วมกัน” อย่างอิหร่านและฮิซบุลเลาะห์
นอกจากนี้ อิสราเอลยังใช้ความได้เปรียบเรื่องของการอยู่ประชิดกับเลบานอน นั่นคือเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนเลบานอนไม่ถึง 240 กิโลเมตร เพื่อให้หน่วยคอมมานโดนอกเครื่องแบบแทรกซึมลึกเข้าไปในเลบานอนเพื่อปฏิบัติภารกิจข่าวกรอง
อีกหนึ่งปัจจัยคือ ความบ้าบิ่น อดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และอิสราเอลเผยว่า ความบ้าบิ่นของอิสราเอลในการเดินหน้าปฏิบัติการเช่นนี้ทำให้อิสราเอลแตกต่างจากหน่วยข่าวกรองอื่นๆ ที่มักจะหลีกเลี่ยงทั้งความเสี่ยงและความยุ่งยากทางกฎหมาย
การลงทุนกับการรวบรวมข่าวกรองของอิสราเอลริ่มเห็นผลชัดเจนในปี 2008 เมื่อหน่วยมอสซาดร่วมมือกับซีไอเอปฏิบัติการสังหาร อิหมัด มุกนิยะห์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูงของฮิซบุลเลาะห์ในซีเรีย ต่อมาในเดือนมกราคม 2020 หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลเฝ้าจับตา กัสเซ็ม สุไลมานิ ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของอิหร่าน ตั้งแต่บินเข้ากรุงดามัสกัสแล้วต่อรถยนต์เข้ากรุงเบรุตเพื่อพบกับนาสรัลเลาะห์ อิสราเอลตัดสินใจไม่ลงมือสังหารนาสรัลเลาะห์ในตอนนั้นพราะไม่อยากให้เกิดสงคราม แต่ส่งต่อข้อมูลนี้ให้สหรัฐฯ ที่รับหน้าที่สังหารสุไลมานิด้วยการใช้โดรนถล่มที่สนามบินนานาชาติแบกแดด
เดือนรกฎาคมที่ผ่านมาอิสราเอลใช้ขีปนาวุธถล่ม ฟาอุด ชุคร์ ผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบุลเลาะห์และคนใกล้ชิดของนาสรัลเลาะห์ระหว่างที่เขาไปเยี่ยมภรรยาน้อยในกรุงเบรุต สหรัฐฯ เองก็ต้องการตัวของชุคร์ด้วยจากกรณีที่เขาก่อเหตุระเบิดโจมตีที่กรุงเบรุตในปี 1983 ส่งผลให้ทหารอเมริกันและฝรั่งเศสเสียชีวิตราว 300 นาย
ต้นเดือนที่ผ่านมา Unit 8200 ยังให้ข้อมูลกับอิสราเอลในการบุกโรงงานลับผลิตอาวุธของฮิซบุลเลาะห์และอิหร่านในซีเรีย และล่าสุดคือ การแทรกแซงโทรศัพท์มือถือของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ที่แม้ตอนหลังทางกลุ่มเปลี่ยนมาใช้เพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแทนก็ไม่รอดเงื้อมมืออิสราเอล
มีการตั้งข้อสังเกตว่า หน่วยมอสซาดอาจตั้งบริษัทหลอกๆ ขึ้นมาในฮังการีแล้วผลิตเพจเจอร์ภายใต้ใบอนุญาตของบริษัทในไต้หวัน ก่อนที่เพจเจอร์จะมาถึงเลบานอน หน่วยปฏิบัติการของอิสราเอลก็จัดการติดตั้งวัตถุระเบิดไว้ในตัวเครื่อง
ชิป อัชเชอร์ อดีตนักวิเคราะห์ของซีไอเอที่ทำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรองอิสราเอลเผยว่า “เคล็ดลับความสำเร็จของอิสราเอลมาจาก 2 ปัจจัย พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดจนพอ ทำให้พวกเขาทุ่มความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ง่ายขึ้น พวกเขาอยู่ในสงครามเงากับฮิซบุลเลาะห์และอิหร่าน และพวกเขาอดทนมาก”
Photo by Al-Manar / AFP