เมื่อวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ของอิหร่านกล่าวว่า การโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลอาจบีบบังคับให้ทุกคนดำเนินการตามคำเตือนล่าสุดที่ออกโดยอิหร่านนับตั้งแต่เริ่มสงครามอิสราเอล-ฮามาสเมื่อต้นเดือนนี้
อิสราเอลบุกโจมตีดินแดนเล็กๆ ของชาวปาเลสไตน์นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีข้ามพรมแดนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และตามรายงานของเจ้าหน้าที่อิสราเอล คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,400 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 8,000 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาส
อาชญากรรมของระบอบการปกครองไซออนิสต์ได้ก้าวข้ามเส้นตาย และอาจบังคับให้ทุกคนทำตามกฎของอิหร่าน สหรัฐฯ ขอให้เราไม่ทำอะไรเลย แต่พวกเขายังคงให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างกว้างขวาง
ไรซี
“สหรัฐฯ ส่งข้อความไปยังอีกฝ่าย แต่ได้รับการตอบโต้ที่ชัดเจนในสนามรบ” เขากล่าว โดยใช้คำที่เจ้าหน้าที่อิหร่านมักใช้เพื่ออ้างถึงเครือข่ายของกลุ่มติดอาวุธระดับภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน (เครือข่ายนี้ประกอบด้วยองค์กรต่างๆ เช่น กลุ่มฮามาสติดอาวุธปาเลสไตน์ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ตลอดจนกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ในอิรักและซีเรีย และกองกำลังติดอาวุธฮูษีในเยเมน)
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนในทันทีว่าไรซีอ้างถึงอะไร แต่ก็มีการโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียหลายครั้ง รวมถึงการแลกเปลี่ยนการยิงระหว่างฮิซบอลเลาะห์และกองกำลังอิสราเอลที่ชายแดนเลบานอนเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ความขัดแย้งในฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้น
อิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนทางการเงินและการทหารแก่กลุ่มฮามาส ยกย่องการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าเป็น ‘ความสำเร็จ’ ทว่าอิหร่านก็ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งในระหว่างนั้นมีพลเรือนราว 200 คนถูกจับเป็นตัวประกันด้วย
Photo by Handout / Iranian Presidency / AFP