จากเหตุการณ์ยิงโดยเด็กอายุ 14 ปี ที่สยามพารากอนเมื่อเย็นวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2 ราย กระทั่งเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อโซเชียลมีเดียมากมายเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเด็กที่อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังพูดถึง ‘โทษ’ ที่เด็กคนนี้จะได้รับด้วย ซึ่งบางคนก็บอกว่า การก่อเหตุที่รุนแรงขนาดนี้ ควรรับโทษเหมือนผู้ใหญ่
เราจะพาย้อนไปดูเคสการลงโทษผู้ก่อเหตุที่เป็นเด็กของต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ ที่ศาลในรัฐมิชิแกนเพิ่งตัดสินเมื่อไม่กี่วันมานี้ ในคดีเด็กอายุ 15 ปี ก่อเหตุสังหารเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนมัธยมอ็อกซ์ฟอร์ดให้ถูกจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้สิทธิ์ทัณฑ์บน ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดในมิชิแกน
อีธาน ครัมเบลย์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 17 ปี เปิดฉากยิงที่โรงเรียนเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2021 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงครูด้วย โดยเขารับสารภาพในข้อหาก่อการร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 กระทง ข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา 4 กระทง และอีก 19 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง
คำตัดสินของศาลล่าสุด ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศที่เต็มไปด้วยเหตุกราดยิงในโรงเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบันทึกไว้มากกว่า 50 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 27 ราย ในปีนี้
พ่อแม่ของฆาตกรก็ถูกตั้งข้อหาเช่นกัน
ขณะที่ครัมเบลย์ยังอยู่ในคุกเพื่อรอการพิจารณาคดี พ่อแม่ (เจมส์และเจนนิเฟอร์) ของครัมเบลย์เองก็ถูกตั้งข้อหาด้วยเช่นกัน
อัยการกล่าวว่า พวกเขาอนุญาตให้ลูกชายเข้าถึงปืนได้อย่างง่ายดาย และไม่คำนึงถึงสัญญาณว่าเขาเป็นภัยคุกคาม พ่อแม่เขาเพิกเฉยต่อคำขอของครัมเบลย์ในการรักษาสุขภาพจิต หลังจากที่เขาบอกว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ โดยผู้ปกครองแย้งว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีเหตุผลทางกฎหมาย และพวกเขาไม่ควรรับผิดชอบต่อคดีที่ลูกชายของตนก่อ
ผู้พิพากษากล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสภาพแวดล้อมในบ้านของจำเลยเหมาะสมหรือไม่ ศาลพบว่าพ่อแม่ของจำเลยทิ้งเขาไว้ตามลำพังตั้งแต่ยังเด็กบ่อยครั้ง พ่อแม่ของเขามักจะดื่มสุราและโต้เถียงต่อหน้าจำเลย พ่อแม่ของเขาไม่ใส่ใจสุขภาพจิตอย่างจริงจัง และพ่อของเขาซื้อปืนให้เขา ที่เขาใช้ในการกราดยิงในโรงเรียน
“อย่างไรก็ตาม ศาลพบว่าจำเลยเป็นผู้มีส่วนร่วมเพียงคนเดียวในอาชญากรรมที่เขาก่อ เขาเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างมีระบบและเลือกว่าใครจะตาย ซึ่งเขาต้องการฆ่าผู้บริสุทธิ
สิ่งที่นำไปสู่การตัดสินของผู้พิพากษา
คาเรน แมคโดนัลด์ อัยการเขตโอ๊คแลนด์ ยอมรับระหว่างการแถลงการณ์ปิดการพิจารณาคดีว่า พ่อแม่ของครัมเบลย์ประมาทเลินเล่อ แต่กล่าวว่านั่นไม่ได้มีน้ำหนักเกินการกระทำและปัจจัยอื่นๆ
“เราต้องจัดการกับความรุนแรง และเราต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และเรายังสามารถพูดได้ว่าเราหวังว่าเขาจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีขึ้น แต่เราจะไม่เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงก็คือเขามีทางเลือก เขามีโอกาสมากมาย” อัยการกล่าว