หลังจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ยืนยันเมื่อวันจันทร์ (5 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ‘มะเร็ง’ ซึ่งถูกตรวจพบระหว่างเข้ารับการรับการรักษาอาการต่อมลูกหมากโตเมื่อเดือนที่แล้ว และขณะนี้พระองค์ทรงเริ่มรับการรักษาในลอนดอนแล้ว
ตรวจเจอ ‘มะเร็ง’ เมื่อไหร่?
ปัญหาสุขภาพล่าสุดของคิงชาร์ลส์ที่ 3 เริ่มต้นเมื่อเดือนที่แล้วหลังจากพระราชวังบักกิงแฮมประกาศเมื่อวันที่ 17 มกราคมว่า พระองค์จะเสด็จไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอาการต่อมลูกหมากโตแต่ไม่เป็นอันตราย จากนั้นทรงออกจากโรงพยาบาลในลอนดอนเมื่อวันที่ 29 มกราคม และก่อนหน้านี้พระองค์มีพระอาการ ‘ปกติดี’
ตามประกาศของพระราชวังเมื่อวันจันทร์ระบุว่า “ในขณะที่คิงชาร์ลส์ทรงเข้ารับการรักษานั้น มีประเด็นที่น่ากังวลอีกประการหนึ่งซึ่งได้รับการตรวจในเวลาต่อมาก็พบว่าเป็น ‘มะเร็งชนิดหนึ่ง’” แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นมะเร็งชนิดใด และคาดว่าจะไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมในระยะนี้ ขณะที่แหล่งข่าวในราชวงศ์บอกกับ CNN ว่า ‘ไม่ใช่’ มะเร็งต่อมลูกหมาก
ตอนนี้คิงชาร์ลส์เป็นอย่างไรบ้าง?
มีรายงานการพบเห็นคิงชาร์ลส์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์ (4 ก.พ.) โดยมีราชินีคามิลลาอยู่เคียงข้าง พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ให้สาธารณชนขณะที่กำลังเดินทางไปที่โบสถ์เซนต์แมรี แม็กดาลีน เขตแซนดริงแฮม มณฑลนอร์ฟอล์ก เพื่อเข้าร่วมพิธีโบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์
แต่ตอนนี้คิงชาร์ลส์กลับมาลอนดอนและเริ่มการรักษาแล้ว
“ตามคำแนะนำของแพทย์ ในขณะที่ทรงเข้ารับการรักษา พระองค์จะทรงเลื่อนการพบปะต่อหน้าสาธารณชน แต่จะทรงดำเนินกิจการของรัฐและเอกสารราชการต่อไป พระองค์ยังคงมีทัศนคติเชิงบวกต่อการรักษาและหวังว่าจะได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด” แถลงการณ์พระราชวังระบุ
ราชวงศ์องค์อื่นๆ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

เจ้าชายวิลเลียมจะเสด็จกลับไปปฏิบัติหน้าที่พบปะสาธารณชนในวันพุธนี้ (7 ก.พ.) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์เข้ารับการผ่าตัดเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งแหล่งข่าวในราชวงศ์บอกกับ CNN เมื่อวันที่ 17 มกราคมว่า “อาการของพระองค์ ‘ไม่ใช่’ มะเร็ง”
การประกาศว่าเจ้าชายวิลเลียมจะกลับมาประกอบพระราชพิธีต่อในราชวงศ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คิงชาร์ลส์จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดเจ้าชายแห่งเวลส์ระบุว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงติดต่อกับพระราชบิดาเป็นประจำ
ส่วนสมเด็จพระราชินีคามิลลาทรงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะดำเนินต่อไป ในขณะเดียวกัน สมาชิกที่ทำงานคนอื่นๆ ในราชวงศ์ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อสาธารณะต่อไป
ตามรายงานของสำนักงานดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งได้พูดคุยกับคิงชาร์ลส์ตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งก็จะกลับมายังสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
จะเกิดอะไรขึ้นหากกษัตริย์ประชวร ‘เกินกว่า’ จะทำงาน?
แม้ว่าสัญญาณทั้งหมดที่ประกาศมาจากพระราชวังจะเป็นไปในทางบวก แต่ก็มีบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ชั่วคราว ในกรณีนี้สามารถเรียก ‘ที่ปรึกษาแห่งรัฐ’ ให้เข้ามามาปฏิบัติหน้าที่แทนได้ โดยสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษา 2 คนให้ดำเนินการในนามของพระมหากษัตริย์ได้ผ่านทาง ‘สิทธิบัตรจดหมาย’ เพื่อช่วยให้กระบวนการของรัฐดำเนินการต่อไปได้
ที่ปรึกษาแห่งรัฐจะได้รับอนุญาตให้ลงนามในเอกสาร เข้าร่วมการประชุมคณะองคมนตรี และรับเอกอัครราชทูตใหม่ แต่จะไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญที่สุดบางประการตามรัฐธรรมนูญ เช่น การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (***แต่ถึงกระนั้นในปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนที่จะแต่งตั้งที่ปรึกษาใดๆ)
รายชื่อราชวงศ์ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐได้ ได้แก่
- สมเด็จพระราชินีคามิลลา
- เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์
- เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ (ลาออกจากราชวงศ์)
- เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก (ถูกบังคับให้ลาออกจากกรณีอื้อฉาว)
- เจ้าหญิงเบียทริซ
ในปี 2022 คิงชาร์ลส์ทรงขยายกลุ่มสมาชิกในราชวงศ์นี้ให้ครอบคลุมพี่น้องของพระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงแอนน์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด หากมีการประกาศใช้ตัวเลือกนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ดยุคแห่งซัสเซกซ์หรือดยุกแห่งยอร์กจะถูกสั่งให้ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน เนื่องจากพระองค์ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในราชวงศ์แล้ว
หากพระมหากษัตริย์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญได้โดยสิ้นเชิงและรัฐไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็สามารถถอนอำนาจของพระองค์และรับอำนาจแทนได้ ภายใต้พระราชบัญญัติผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน 1937 ซึ่งลำดับราชวงศ์ในการขึ้นครองราชย์ก็คือ ‘เจ้าชายวิลเลียม’
การที่จะเป็นเช่นนั้นได้นั้นจะต้องมีหลักฐานทางการแพทย์ว่า “กษัตริย์มี ‘ความบกพร่องทางจิตใจ’ หรือ ‘ร่างกายที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในขณะนั้น’ หรือ ‘มีสาเหตุแน่ชัดบางประการที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้นได้’”
และจะต้องผ่านการเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงข้างมากจากคณะกรรมการทั้ง 4 คนได้แก่
- อธิบดีศาลสูงสุด
- ประธานสภา
- หัวหน้าผู้พิพากษาแห่งอังกฤษ
- ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
- และราชินีร่วมด้วย
โดยพวกเขาจะต้องประกาศการตัดสินใจเป็นลายลักษณ์อักษรและประกาศว่า ‘พระมหากษัตริย์ทรงพร้อมที่จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งหรือไม่?’ ในขณะเดียวกัน เจ้าชายวิลเลียมก็จะทำหน้าที่ในนามของพระองค์
Photo by Adrian DENNIS / AFP