หวั่นกระแสแบนบานปลาย! ท่องเที่ยวเกาหลีใต้เรียกร้องรัฐงดเว้น K-ETA ให้คนไทย

2 ก.ค. 2567 - 04:56

  • “ฉันไม่มีทัวร์ส่วนตัวจากประเทศไทยเลยในปีนี้ ฉันได้ยินมาว่าไกด์ที่เชี่ยวชาญด้านนักท่องเที่ยวชาวไทยในกรุงโซลหลายคนลาออกจากอุตสาหกรรมนี้เนื่องจากไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว”

  • “ดูเหมือนจะไม่มีมาตรฐานเฉพาะเจาะจง และดูเหมือนว่าจะเป็นการสุ่มเสียมากกว่า…พวกเขาเป็นเพียงนักเดินทางที่เตรียมตัวมาพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่พวกเขากลับถูกส่งตัวกลับ...”

  • แต่กระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า “การนำ K-ETA มาใช้นั้นมีความจำเป็น เนื่องจากนโยบายด้านวีซ่าเพียงอย่างเดียวมีข้อจำกัดในการควบคุมการอพยพเข้าเมืองและป้องกันการอาศัยอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย...”

koreas_tourism_industry_urges_govt_to_revise_k_eta_rules_on_thai_visitors_SPACEBAR_Hero_1437b13fae.jpg

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาหลีเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (1 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ควรใช้แนวปฏิบัติที่ละเอียดรอบคอบมากขึ้นเพื่อระบุตัวผู้อพยพผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขข้อร้องเรียนที่เพิ่มมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศเกาหลี และหากไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกต่อต้านเกาหลีจะทวีความรุนแรงมากขึ้น 

ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสออนไลน์ในประเทศไทยที่เรียกร้องให้คว่ำบาตรการเดินทางไปเที่ยวเกาหลีจนติด #แบนเกาหลี บน X ซึ่งเริ่มมีกระแสนิยมมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว เนื่องจากคนไทยจำนวนมากถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในเกาหลี แม้จะได้รับการอนุมัติผ่านระบบอนุญาตเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลี (K-ETA) ก่อนออกเดินทางแล้วก็ตาม 

อย่างไรก็ดี เกาหลีได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 22 ประเทศสามารถเข้าประเทศโดยไม่ต้องลงทะเบียน K-ETA ได้ชั่วคราวจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ในจำนวน 22 ประเทศนี้กลับไม่มีไทย เนื่องจากยังมีคนไทยจำนวนมากอาศัยอยู่ในเกาหลีอย่างผิดกฎหมาย 

เจ้าหน้าที่หน่วยงานการท่องเที่ยวและล่ามหลายคนบอกกับสำนักข่าว Korea Times ว่า นับตั้งแต่มีกระแส #แบนเกาหลี ในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว อุตสาหกรรมนี้ได้รับความเสียหายอย่างมาก 

“ฉันไม่มีทัวร์ส่วนตัวจากประเทศไทยเลยในปีนี้ ฉันได้ยินมาว่าไกด์ที่เชี่ยวชาญด้านนักท่องเที่ยวชาวไทยในกรุงโซลหลายคนลาออกจากอุตสาหกรรมนี้เนื่องจากไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว” ล่ามและไกด์ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่งกล่าว 

ขณะที่เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์อีกรายไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการนำเที่ยวให้กับนักเดินทางอิสระเผยว่า เขาไม่เห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยจัดทัวร์ส่วนตัวเลยในปีนี้ แม้ว่าการท่องเที่ยวขาเข้าประเทศโดยรวมจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด-19 

ทั้ง 2 คนยังเล่าอีกว่าพวกเขาเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายรายถูกปฏิเสธการเข้าประเทศตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลี 

“ดูเหมือนจะไม่มีมาตรฐานเฉพาะเจาะจง และดูเหมือนว่าจะเป็นการสุ่มเสียมากกว่า…พวกเขาเป็นเพียงนักเดินทางที่เตรียมตัวมาพร้อมทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่การลงทะเบียนผ่านระบบ K-ETA การแลกเปลี่ยนเงินตรา ไปจนถึงแพลนเที่ยวเกาหลี แต่พวกเขากลับถูกส่งตัวกลับ...เพื่อนชาวไทยของฉันคนหนึ่งไม่เคยถูกคัดออกเลย และเข้าเกาหลีหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ยังคงถูกปฏิเสธ” ล่ามกล่าวพร้อมเน้นย้ำว่า “นักท่องเที่ยวชาวไทยอาจรู้สึกไม่เป็นที่ต้อนรับเนื่องจากถูกปฏิบัติอย่างไม่ดี”  

ตั้งแต่ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยได้แบ่งปันประสบการณ์เชิงลบของตัวเองกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีโดยติด #แบนเกาหลี บน X ซึ่งมีจุดประสงค์แนะนำไม่ให้คนไทยเที่ยวเกาหลี

koreas_tourism_industry_urges_govt_to_revise_k_eta_rules_on_thai_visitors_SPACEBAR_Photo01_9528f0e917.jpg
Photo by ED JONES / AFP

หลายๆ คนบอกว่านักท่องเที่ยวไทยจะเลือกเดินทางไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเกาหลีแทน เช่น ญี่ปุ่นและไต้หวัน ซึ่งมีราคาถูกกว่า แถมยังเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า และไม่ส่งนักท่องเที่ยวกลับแบบเกาหลี 

“ตอนนี้การเดินทางไปจีนไม่ต้องขอวีซ่าและง่ายมาก สะอาด ทันสมัย และต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำไมเราต้องเสี่ยงไปกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีด้วยล่ะ” ผู้ใช้ X ชาวไทยรายหนึ่งเขียนโพสต์ พร้อมติด #แบนเกาหลี 

“ฉันถูกกล่าวหาว่านำเงินมามากเกินไป (ที่เกาหลี) และถูกซักถามไม่หยุดหย่อนราวกับว่าฉันเป็นอาชญากรประเภทหนึ่ง” ผู้ใช้ X รายหนึ่งเขียน ในขณะที่อีกรายเล่าถึงประสบการณ์การถูกปฏิเสธเพราะ ‘เคยเดินทางไปเกาหลีมาแล้วถึง 4 ครั้ง’ 

ตามสถิติขององค์การการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเยือนเกาหลีประมาณ 119,000 คนในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ซึ่งลดลง 21.1% จากปีก่อน แนวโน้มดังกล่าวขัดแย้งกับแนวโน้มการฟื้นตัวโดยรวมของการท่องเที่ยวขาเข้า ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเกาหลีเพิ่มขึ้น 86.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน 

ในเวลานี้ประเทศไทยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกาหลีมากที่สุด จึงหล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากเวียดนามและฟิลิปปินส์

เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) บอกกับหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ว่า “ก่อนที่ #แบนเกาหลี ซึ่งมีจุดประสงค์คว่ำบาตรการเดินทางไปเกาหลีจะเกิดขึ้น ประเทศเกาหลีเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว” 

เจริญเชื่อว่าเกาหลีจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 หรือ 2 ปีจึงจะฟื้นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวไทยได้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากยังเปลี่ยนไปท่องเที่ยวยังจุดหมายปลายทางอื่นแทนเพื่อหลีกเลี่ยงกฎการตรวจคนเข้าเมืองและการสอบสวนที่เข้มงวด หลังจากมีเสียงบอกเล่าจากคนไทยจำนวนมากที่บอกว่าถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศเกาหลี 

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลี ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยว 20 ล้านคนให้ได้ภายในปีนี้ ผ่านแคมเปญ ‘Visit Korea Year 2023-2024' ได้เผยว่าปัญหาการอพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายเป็นอุปสรรค พร้อมทั้งขอให้กระทรวงยุติธรรมผ่อนปรนกฎระเบียบ หรือยกเลิกระบบ K-ETA สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นการชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมยืนยันกับสื่อท้องถิ่นเมื่อไม่นานมานี้ว่า

“การนำ K-ETA มาใช้นั้นมีความจำเป็น เนื่องจากนโยบายด้านวีซ่าเพียงอย่างเดียวมีข้อจำกัดในการควบคุมการอพยพเข้าเมืองและป้องกันการอาศัยอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการงดเว้น K-ETA ชั่วคราวสำหรับประเทศที่มีอัตราการอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมายสูง”

ทั้งนี้พบว่าจำนวนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีอย่างผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจาก 52,000 คนในปี 2015 เป็น 157,000 คนในเดือนกันยายนปีที่แล้ว  

ทว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็มีความกังวลว่าแนวโน้มดังกล่าวอาจนำไปสู่ความรู้สึกต่อต้านเกาหลีเพิ่มมากขึ้น และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งระบบเพื่อคัดกรองผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายให้ดีกว่านี้ 

“ปัญหาพื้นฐานคือรัฐบาลมีคำจำกัดความที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และไม่สามารถให้แนวทางที่ถูกต้อง (เกี่ยวกับวิธีการคัดกรองบุคคลที่มีแนวโน้มจะอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมาย) สิ่งนี้ทำให้ผู้มาเยือนชาวไทยคนอื่นๆ เกิดความกังวลและหงุดหงิด...สิ่งนี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าลดลงเท่านั้น แต่จะยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านเกาหลีมากขึ้น และส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี” ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่เปิดเผยชื่ออีกรายหนึ่งกล่าว โดยโต้แย้งว่ามาตรการดังกล่าวอาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติ 

“ลูกทัวร์ของฉันถามฉันเสมอว่า ‘มาตรฐานของประเทศคุณคืออะไร’ ‘ทำไมพวกเขาถึงคัดกรองเรา’ ‘นี่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อประเทศของเราหรือเปล่า’ มันแย่มากที่ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” ล่ามกล่าว 

Photo by ED JONES / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์