จับสายเลือดใหม่ก๊กมินตั๋งผงาด หลังเหลนเจียงไคเช็กคว้าเก้าอี้ผู้ว่าการไทเป

2 ธ.ค. 2565 - 06:07

  • คะแนนเสียงท่วมท้นที่เลือกให้เหลนของเจียงไคเช็ก นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการกรุงไทเปทำให้เจ้าตัวถูกมองว่าเป็นสายเลือดใหม่ของก๊กมินตั๋ง

kuomintang-chiang-kai-shek-great-grandson-chiang-wan-an-rising-star-SPACEBAR-Thumbnail
การเลือกตั้งท้องถิ่นของไต้หวันเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งคล้ายๆ กับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ นอกจากชัยชนะของพรรคก๊กมินตั๋งที่ทำให้ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน ต้องประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DDP) แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่น่าจับตามองคือ การผงาดขึ้นมาเป็นผู้ว่าการกรุงไทเปของนักการเมืองหน้าใหม่อายุน้อยอย่าง เจี่ยงวั่นอัน หรือ เวย์น เจียง จากพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเขาจะเป็นผู้ว่าการกรุงไทเปที่อายุน้อยที่สุด 

ความน่าสนใจอย่างแรกคือ เจี่ยงวั่นอัน มีดีกรีเป็นถึงเหลนของเจียงไคเช็ก ผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งที่พาสมัครพรรคพวกหนีมาที่ไต้หวันหลังพ่ายสงครามกลางเมืองกับเหมาเจ๋อตงเมื่อปี 1949 และประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน 

เจี่ยงวั่นอัน เพิ่งจะทราบว่าตัวเองเป็นถึงเหลนของเจียงไคเช็กก็ตอนที่เป็นวัยรุ่น หลังจากพ่อซึ่งก็คือ จอห์น เจียง หรือ เจี่ยงเซี่ยวเหยียน นักการเมืองในพรรคก๊กมินตั๋ง เล่าให้ฟัง  

เดิมที จอห์น เจียงและครอบครัวใช้แซ่จาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแซ่เจี่ยงหลังจากเขารวบรวมหลักฐานได้ว่าตัวเองเป็นบุตรชายนอกสมรสของลูกชายของเจี่ยงจิงกั๋ว อดีตนายกรัฐมนตรีของไต้หวันซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจียงไคเช็ก  

แต่นอกเหนือจากความเป็นเหลนของเจียงไคเช็กแล้ว ความสามารถของเจี่ยงวั่นอันก็น่าสนใจไม่แพ้กัน 

เจี่ยงวั่นอัน เคยทำงานเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญด้านองค์กรและบริษัทที่สหรัฐฯ อยู่หลายปีก่อนจะเดินทางกลับไต้หวันเมื่อปี 2013 จากนั้นได้ลงสมัครสมาชิกสภาไต้หวัน และได้รับการจัดอันดับจากกลุ่มจับตาการเมืองท้องถิ่นให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ดีที่สุดและตั้งใจทำงานมากที่สุดระหว่างดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา 2 สมัยนับตั้งแต่ปี 2016  

การคว้าเก้าอี้ผู้ว่าการกรุงไทเปถือเป็นความสำเร็จที่ผู้สังเกตการณ์มองว่าจะช่วยทำให้สถานะดาวรุ่งทางการเมืองของเจี่ยงวั่นอันมั่นคงมากขึ้น และตำแหน่งผู้ว่าการกรุงไทเปยังเป็นก้าวสำคัญไปสู่การขึ้นเป็นประธานาธิบดีด้วย  

เลฟ แนชแมน ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อเผยว่า “เขาคือคนรุ่นใหม่ หน้าใหม่ที่พรรคก๊กมินตั๋งต้องการ แต่ผู้สมัครเพียง 1 คนไม่ได้สร้างกลยุทธ์ทางการเมืองที่ประสบความสำเร็จ” 

บรรดาผู้สังเกตการณ์บอกว่าภูมิหลังด้านครอบครัวไม่ใช่ทั้งความรับผิดชอบหรือเป็นสินทรัพย์ของเจี่ยงวั่นอัน 

เดน หวัง เจ้าของธุรกิจสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีเผยว่า “เขาไม่ได้เป็นคนมีความคิดรุนแรงด้านการเมืองและพร้อมจะรับฟัง” และบอกว่าภูมิหลังทางครอบครัวของเจี่ยงวั่นอันไม่มีผลต่อตัวเอง “ที่เราสนใจมากกว่าคือ เขาจะทำอะไรให้ไทเปบ้างและตัวตนของเขา” 

สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เพิ่งผ่านไปนั้น ทั้งผู้ที่ออกไปเลือกตั้งและนักวิเคราะห์การเมืองบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงและความตึงเครียดกับจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเรื่องที่คนไต้หวันให้ความสำคัญมากกว่าปัญหาอื่น เพราะไม่มีใครอยากให้ปัญหากับจีนลุกลามบานปลายจนกลายเป็นสงคราม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ก๊กมินตั๋งกว้าที่นั่งได้มากขนาดนี้ 

ชัยชนะของเจี่ยงวั่นอันในการคว้าเก้าอี้ผู้ว่าการกรุงไทเปเป็นแรงหนุนที่ยิ่งใหญ่สำหรับชัยชนะของพรรคก๊กมินตั๋งในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ได้เก้าอี้มากถึง 13 เมืองจาก 21 เมือง และอาจช่วยให้พรรคกลับมาผงาดในการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง ซึ่งหากก๊กมินตั๋งชนะก็อาจทำให้ความสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนแปลง เพราะก๊กมินตั๋งเน้นนโยบายรักษาสัมพันธ์อันดีกับจีนไว้ ผิดกับพรรค DDP ที่ไม่เอาจีนเลย นั่นทำให้พรรคก๊กมินตั๋งอยู่นอกสายตาของคนไต้หวันรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนไต้หวัน ไม่ใช่คนจีน 

และในขณะที่ก๊กมินตั๋งกำลังหาทางดึงเสียงจากทั้งกลุ่มคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ เจี่ยงวั่นอันอาจเป็นตัวช่วยที่เข้าปิดช่องว่างนี้ได้ 

ทว่า ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่และมีสายเลือดคนการเมืองอย่างเต็มเปี่ยม โอกาสที่เจี่ยงวั่นอันจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 อย่างถล่มทลายเหมือนกับที่กวาดคะแนนท่วมท้นทิ้งห่างคู่แข่งในการลือกตั้งผู้ว่าการกรุงไทเปครั้งล่าสุดนี้อาจมีไม่มาก เนื่องจากเจี่ยงวั่นอันยังต้องการการบ่มเพาะประสบการณ์ทางการเมืองให้พร้อมกว่านี้ แม้ว่าตำแหน่งผู้ว่าการกรุงไทเปมักจะถูกมองว่าเป็นบันไดไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าอย่างประธานาธิบดีก็ตาม 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์