เมื่อโควิด-19 โจมตีเจอร์รี เกอริโนต์ ในเดือน ม.ค.ปี 2021 ทนายวัย 77 ปี ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจอยู่แล้ว ประสบกับการเป็นโรคปอดอักเสบซ้ำซ้อนและมีโอกาสรอดชีวิตแค่ 5% หลังจาก 3 เดือนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในฮูสตัน เขาก็เอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้
ปอดของเกอริโนต์ และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้เขาพร้อมสำหรับการติดเชื้อครั้งใหม่ตลอดเวลา ซึ่งเขาต้องเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มเติม และเข้ารับการทำกายภาพบำบัดหลายรอบ เกือบ 2 ปี หลังจากการติดเชื้อ และเสียค่ารักษาพยาบาลมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34 ล้านบาท)
ฟลิค แมนนิ่ง อาศัยอยู่ริมชายฝั่งในเมลเบิร์น และคุ้นเคยกับการได้กลิ่นทะเลจากบ้านของเธอ แต่เมื่อเธอประสบกับการติดโควิด-19 การรับรู้เรื่องกลิ่นของเธอก็เปลี่ยนไป
ในเดือนม.ค. เธอสังเกตว่าเธอไม่สามารถดมกลิ่นทะเลได้อีกต่อไป และตระหนักว่าไวรัสส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของเธอมากเพียงใด 11 เดือนต่อมา แมนนิ่งตั้งตารอวันคริสต์มาสกับครอบครัวที่จะเดินทางมาหา และหวังว่าเธอจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่คุ้นเคยของเนื้อย่างที่จะเสิร์ฟ
หญิงสาววัย 38 ปี เป็นหนึ่งในผู้คนจากหลายล้านคนทั่วโลกที่ประสบปัญหาการดมกลิ่นและการรับรสชาติในระยะยาวหลังจากโควิด-19 การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิจัยนานาชาติ BMJ พบว่าอาจมี อย่างน้อย 15 ล้านรายที่มีปัญหากลิ่นในระยะยาว และอย่างน้อย 12 ล้านรายที่มีปัญหาการรับรสเป็นเวลานานเนื่องจากการติดโควิด
ทั้งนี้การวิจัยอ้างอิงจากจำนวนผู้ป่วยโควิดที่บันทึกไว้จนถึงตอนนี้
อวัยวะที่ได้รับความเสียหายจากไวรัส และระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลาย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกระทบจากโควิด-19 เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการวัดผลกระทบรองจากการเพิ่มขึ้นของความเจ็บป่วยทางจิตไปจนถึงความล่าช้าในการรักษาโรคอื่นๆ แพทย์บางคนตำหนิโควิด-19 ว่า ทำให้ผลกระทบของโรคอื่นๆ แย่ลง เช่นเดียวกับกรณีของไข้หวัดและไวรัสซินซีเชียลทางเดินหายใจที่กำลังแพร่ระบาดในโรงพยาบาลเด็ก
อาการลองโควิด (Long Covid) เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกว่าเป็นภาวะหลังจากหายจากโควิด-19 ซึ่งอันตรายกว่าโรคทางเดินหายใจในระยะยาว และแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ที่ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ เพราะโควิดทำลายร่างกายแบบคลัสเตอร์บอมบ์ หรือหลายๆ ระบบในร่างกาย
โซเนีย ชาร์มา รองศาสตราจารย์จากศูนย์ภูมิต้านทานตนเองและการอักเสบของสถาบัน La Jolla Institute for Immunology กล่าวว่า นั่นคือจุดเปลี่ยนเกมทั้งหมด เพราะไม่ใช่แค่ปอด คุณมีการต่อสู้ระหว่างไวรัสและระบบภูมิคุ้มกันของคุณ และการต่อสู้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะเกือบทุกชนิด
ศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า สิ่งนี้สามารถทำลายการป้องกันภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ซึ่งอาจกระตุ้นการทำงานของไวรัสที่คงอยู่ในร่างกาย เช่น ไวรัสที่ก่อให้เกิดโมโนนิวคลีโอซิสและโรคงูสวัด
นักวิจัยกล่าวว่า ผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอาการระยะแรกไม่รุนแรงสามารถรักษาการเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันที่ชะลอการตอบสนองต่อการติดเชื้อและทำให้อาการเรื้อรังรุนแรงขึ้นได้นานถึง 6 เดือน
นักจุลชีววิทยา เบรนด์ดัน แครปป์ ผู้อำนวยการสถาบัน Burnet กล่าวว่า แม้ว่าความผิดปกติของภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิดเพียง 5% แต่ผลกระทบต่อประชากรอาจเพิ่มภัยคุกคามที่เกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ อีกมากมาย
ปอดของเกอริโนต์ และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้เขาพร้อมสำหรับการติดเชื้อครั้งใหม่ตลอดเวลา ซึ่งเขาต้องเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มเติม และเข้ารับการทำกายภาพบำบัดหลายรอบ เกือบ 2 ปี หลังจากการติดเชื้อ และเสียค่ารักษาพยาบาลมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34 ล้านบาท)
ฟลิค แมนนิ่ง อาศัยอยู่ริมชายฝั่งในเมลเบิร์น และคุ้นเคยกับการได้กลิ่นทะเลจากบ้านของเธอ แต่เมื่อเธอประสบกับการติดโควิด-19 การรับรู้เรื่องกลิ่นของเธอก็เปลี่ยนไป
ในเดือนม.ค. เธอสังเกตว่าเธอไม่สามารถดมกลิ่นทะเลได้อีกต่อไป และตระหนักว่าไวรัสส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของเธอมากเพียงใด 11 เดือนต่อมา แมนนิ่งตั้งตารอวันคริสต์มาสกับครอบครัวที่จะเดินทางมาหา และหวังว่าเธอจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่คุ้นเคยของเนื้อย่างที่จะเสิร์ฟ
หญิงสาววัย 38 ปี เป็นหนึ่งในผู้คนจากหลายล้านคนทั่วโลกที่ประสบปัญหาการดมกลิ่นและการรับรสชาติในระยะยาวหลังจากโควิด-19 การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิจัยนานาชาติ BMJ พบว่าอาจมี อย่างน้อย 15 ล้านรายที่มีปัญหากลิ่นในระยะยาว และอย่างน้อย 12 ล้านรายที่มีปัญหาการรับรสเป็นเวลานานเนื่องจากการติดโควิด
ทั้งนี้การวิจัยอ้างอิงจากจำนวนผู้ป่วยโควิดที่บันทึกไว้จนถึงตอนนี้
อวัยวะที่ได้รับความเสียหายจากไวรัส และระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลาย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกระทบจากโควิด-19 เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการวัดผลกระทบรองจากการเพิ่มขึ้นของความเจ็บป่วยทางจิตไปจนถึงความล่าช้าในการรักษาโรคอื่นๆ แพทย์บางคนตำหนิโควิด-19 ว่า ทำให้ผลกระทบของโรคอื่นๆ แย่ลง เช่นเดียวกับกรณีของไข้หวัดและไวรัสซินซีเชียลทางเดินหายใจที่กำลังแพร่ระบาดในโรงพยาบาลเด็ก
อาการลองโควิด (Long Covid) เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกว่าเป็นภาวะหลังจากหายจากโควิด-19 ซึ่งอันตรายกว่าโรคทางเดินหายใจในระยะยาว และแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ที่ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ เพราะโควิดทำลายร่างกายแบบคลัสเตอร์บอมบ์ หรือหลายๆ ระบบในร่างกาย
โซเนีย ชาร์มา รองศาสตราจารย์จากศูนย์ภูมิต้านทานตนเองและการอักเสบของสถาบัน La Jolla Institute for Immunology กล่าวว่า นั่นคือจุดเปลี่ยนเกมทั้งหมด เพราะไม่ใช่แค่ปอด คุณมีการต่อสู้ระหว่างไวรัสและระบบภูมิคุ้มกันของคุณ และการต่อสู้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะเกือบทุกชนิด
ศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า สิ่งนี้สามารถทำลายการป้องกันภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ซึ่งอาจกระตุ้นการทำงานของไวรัสที่คงอยู่ในร่างกาย เช่น ไวรัสที่ก่อให้เกิดโมโนนิวคลีโอซิสและโรคงูสวัด
นักวิจัยกล่าวว่า ผู้ป่วยโรคโควิดที่มีอาการระยะแรกไม่รุนแรงสามารถรักษาการเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันที่ชะลอการตอบสนองต่อการติดเชื้อและทำให้อาการเรื้อรังรุนแรงขึ้นได้นานถึง 6 เดือน
นักจุลชีววิทยา เบรนด์ดัน แครปป์ ผู้อำนวยการสถาบัน Burnet กล่าวว่า แม้ว่าความผิดปกติของภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโควิดเพียง 5% แต่ผลกระทบต่อประชากรอาจเพิ่มภัยคุกคามที่เกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ อีกมากมาย
