หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าที่ผ่านมา ‘ประเทศไทย’ แลนด์ออฟสมายล์กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างก็มาเยือนตลอดจนทำให้ไทยติดท็อป 10 ในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น ‘ประเทศเฟรนด์ลี่’ ‘จุดหมายสำหรับอยู่-ทำงาน’ นอกจากนี้ ‘ภูเก็ตยังติดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดเยี่ยมแห่งปี 2023’ อีกด้วย
และยิ่งเป็นการตอกย้ำความนิยมของไทยมากขึ้นไปอีก เมื่อนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกมาเขียนรีวิวเที่ยวไทยในเฟสบุ๊กส่วนตัว ‘Ahmad Nazrul’ จนมียอดไลค์กว่า 4,600 ไลค์ ยอดคอมเม้นต์ และยอดแชร์เป็นจำนวนมาก
ในโพสต์รีวิวเขียนเป็นภาษามาลายู โดยเล่าถึงประสบการณ์การมาเที่ยวประเทศไทยคร่าวๆ ต่อไปนี้:
และยิ่งเป็นการตอกย้ำความนิยมของไทยมากขึ้นไปอีก เมื่อนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกมาเขียนรีวิวเที่ยวไทยในเฟสบุ๊กส่วนตัว ‘Ahmad Nazrul’ จนมียอดไลค์กว่า 4,600 ไลค์ ยอดคอมเม้นต์ และยอดแชร์เป็นจำนวนมาก
ในโพสต์รีวิวเขียนเป็นภาษามาลายู โดยเล่าถึงประสบการณ์การมาเที่ยวประเทศไทยคร่าวๆ ต่อไปนี้:
ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าเที่ยว และมีอาหารที่ราคาถูก โดยบอกว่า ถ้ามา 10 คน ราคาจะไม่ถึง 300 ริงกิต (ราว 2,300 บาท) แม้ว่าอาหารจะเต็มโต๊ะก็ตาม หรือถ้ากินคนเดียว 1 คน ราคาอยู่ที่ 10 ริงกิต (ราว 75 บาท) นอกจากนี้ ข้าวผัดปลาหมึกและกุ้งแค่เพียง 7 ริงกิต (55 บาท) เท่านั้น ขณะที่ กุ้งขนาดต้นขาราคาเพียง 50 ริงกิต/ตัว (ราว 380 บาท) และ Nazrul ยังบอกอีกด้วยว่า ชาเย็นที่เซเว่นอีเลฟเว่นนั้นอร่อยมาก
ว่าด้วยเรื่องราคาโรงแรมก็ราคาถูกมากโดยมีราคาตั้งแต่ 60 -150 ริงกิต (450 – 1,140 บาท) พร้อมอาหารเช้า และสระว่ายน้ำก็เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ถ้าราคาตั้งแต่ 200 ริงกิต (ราว 1500 บาท) ขึ้นไปก็เหมือนโรงแรม 5 ดาว ส่วนโฮมสเตย์ในประเทศไทยมักจะมีราคาต่ำกว่า 150 ริงกิต (ราว 1,140 บาท)
สำหรับถนนในเมืองไทยสวยมาก ไม่ค่อยมีหลุมเป็นบ่อหรือชำรุด ถ้าขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.ก็ไม่มีปัญหา หรือถ้าคุณขี่มอเตอร์ไซค์ก็บิดได้นานถึง 5 ชั่วโมงเต็ม ทั้งนี้ คุณจะไม่เจอรถท่อไอเสียที่มีเสียงดัง สิ่งกีดขวางบนถนนไม่เหมือนในมาเลเซียจึงไม่ต้องกังวลหากคุณไม่สวมหมวกกันน็อค นั่นเป็นสาเหตุที่แก๊งมอเตอร์ไซค์จำนวนมากไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทยทั้งขี่และบิดโดยไม่ลังเล
ส่วนปั๊มน้ำมันที่นี่ดูยิ่งใหญ่มาก และในปั๊มมักจะมีเซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงห้องน้ำด้วย เซเว่นอีเลฟเว่นก็ใหญ่มากไม่เหมือนกับที่มาเลเซีย อาหารข้างในก็อร่อยทุกอย่าง เครื่องสำอางในเซเว่นก็มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ ห้องน้ำในไทยก็สะอาด ผมไม่เคยเห็นห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นหรืออุจจาระ และผมไม่เคยเจอก้นบุหรี่เลย ถ้าคุณรับประทานอาหารที่ร้านในไทยจะไม่ค่อยเจอคนสูบบุหรี่ในร้าน ถ้ามีก็เป็นคนมาเลเซีย
ในเรื่องของอินเทอร์เน็ตที่นี่มี 5G ผมขับรถมา 5 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตไม่ล่มเลย และแพ็กเกจเน็ตก็ถูกมากประมาณ 25 ริงกิต (ราว 190 บาท) นะ (ถ้าจำไม่ผิด)
ส่วนปฏิสัมพันธ์ของคนไทย Nazrul เล่าต่ออีกว่า คนไทยเป็นคนดี ทุกคนที่ผมพบก็เป็นมิตร เพียงแต่สื่อสารยากนิดหน่อยเพราะ คนที่นี่ไม่ค่อยใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณแค่ติดตั้งแอปฯ Google แปลภาษา คุณไม่จำเป็นต้องพิมพ์ แค่กดเสียง จากนั้นแอปก็จะแปลเป็นภาษาไทยโดยอัตโนมัติ
ที่นี่คุณจะไม่เห็นขอทานตามถนน หรือแถวสัญญาณไฟจราจร ผมไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ในตัวเมือง ส่วนตำรวจก็มีอยู่ทุกที่ แต่พื้นที่ท่องเที่ยวจะมีตำรวจประจำอยู่จำนวนมากทำให้รู้สึกปลอดภัยที่จะเดิน หรือช็อปปิ้ง
Nazul เขียนโพสต์ทิ้งท้ายว่า ถ้าคุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนก็ลองมาเที่ยวเมืองไทยดูสิ! ถ้าไป 3 วัน 2 คืน กับครอบครัว 5 คน คุณจะเสียเงินค่าอาหาร ที่พัก ไม่เกิน 1,000 ริงกิต (7,600 บาท)
“อาหารอร่อย ทุกอย่างราคาถูก สถานที่ที่น่าสนใจ ผู้คนนิสัยดี คุณยังต้องการอะไรอีก? ประเทศไทยมีกฎหมายบางประการที่ไม่เหมือนกับมาเลเซีย เราต้องเชื่อฟังและเคารพ ผมจะเล่าในโพสต์ต่อไป”
ปล: นี่คือประสบการณ์ของผม ถ้าประสบการณ์ของเราไม่เหมือนกัน อย่าหาว่าผมโกหก เพราะวันและเวลาที่เราไปเที่ยวอาจจะไม่ตรงกัน
ว่าด้วยเรื่องราคาโรงแรมก็ราคาถูกมากโดยมีราคาตั้งแต่ 60 -150 ริงกิต (450 – 1,140 บาท) พร้อมอาหารเช้า และสระว่ายน้ำก็เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ถ้าราคาตั้งแต่ 200 ริงกิต (ราว 1500 บาท) ขึ้นไปก็เหมือนโรงแรม 5 ดาว ส่วนโฮมสเตย์ในประเทศไทยมักจะมีราคาต่ำกว่า 150 ริงกิต (ราว 1,140 บาท)
สำหรับถนนในเมืองไทยสวยมาก ไม่ค่อยมีหลุมเป็นบ่อหรือชำรุด ถ้าขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.ก็ไม่มีปัญหา หรือถ้าคุณขี่มอเตอร์ไซค์ก็บิดได้นานถึง 5 ชั่วโมงเต็ม ทั้งนี้ คุณจะไม่เจอรถท่อไอเสียที่มีเสียงดัง สิ่งกีดขวางบนถนนไม่เหมือนในมาเลเซียจึงไม่ต้องกังวลหากคุณไม่สวมหมวกกันน็อค นั่นเป็นสาเหตุที่แก๊งมอเตอร์ไซค์จำนวนมากไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทยทั้งขี่และบิดโดยไม่ลังเล
ส่วนปั๊มน้ำมันที่นี่ดูยิ่งใหญ่มาก และในปั๊มมักจะมีเซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงห้องน้ำด้วย เซเว่นอีเลฟเว่นก็ใหญ่มากไม่เหมือนกับที่มาเลเซีย อาหารข้างในก็อร่อยทุกอย่าง เครื่องสำอางในเซเว่นก็มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ ห้องน้ำในไทยก็สะอาด ผมไม่เคยเห็นห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นหรืออุจจาระ และผมไม่เคยเจอก้นบุหรี่เลย ถ้าคุณรับประทานอาหารที่ร้านในไทยจะไม่ค่อยเจอคนสูบบุหรี่ในร้าน ถ้ามีก็เป็นคนมาเลเซีย
ในเรื่องของอินเทอร์เน็ตที่นี่มี 5G ผมขับรถมา 5 ชั่วโมง อินเทอร์เน็ตไม่ล่มเลย และแพ็กเกจเน็ตก็ถูกมากประมาณ 25 ริงกิต (ราว 190 บาท) นะ (ถ้าจำไม่ผิด)
ส่วนปฏิสัมพันธ์ของคนไทย Nazrul เล่าต่ออีกว่า คนไทยเป็นคนดี ทุกคนที่ผมพบก็เป็นมิตร เพียงแต่สื่อสารยากนิดหน่อยเพราะ คนที่นี่ไม่ค่อยใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณแค่ติดตั้งแอปฯ Google แปลภาษา คุณไม่จำเป็นต้องพิมพ์ แค่กดเสียง จากนั้นแอปก็จะแปลเป็นภาษาไทยโดยอัตโนมัติ
ที่นี่คุณจะไม่เห็นขอทานตามถนน หรือแถวสัญญาณไฟจราจร ผมไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ในตัวเมือง ส่วนตำรวจก็มีอยู่ทุกที่ แต่พื้นที่ท่องเที่ยวจะมีตำรวจประจำอยู่จำนวนมากทำให้รู้สึกปลอดภัยที่จะเดิน หรือช็อปปิ้ง
Nazul เขียนโพสต์ทิ้งท้ายว่า ถ้าคุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนก็ลองมาเที่ยวเมืองไทยดูสิ! ถ้าไป 3 วัน 2 คืน กับครอบครัว 5 คน คุณจะเสียเงินค่าอาหาร ที่พัก ไม่เกิน 1,000 ริงกิต (7,600 บาท)
“อาหารอร่อย ทุกอย่างราคาถูก สถานที่ที่น่าสนใจ ผู้คนนิสัยดี คุณยังต้องการอะไรอีก? ประเทศไทยมีกฎหมายบางประการที่ไม่เหมือนกับมาเลเซีย เราต้องเชื่อฟังและเคารพ ผมจะเล่าในโพสต์ต่อไป”
ปล: นี่คือประสบการณ์ของผม ถ้าประสบการณ์ของเราไม่เหมือนกัน อย่าหาว่าผมโกหก เพราะวันและเวลาที่เราไปเที่ยวอาจจะไม่ตรงกัน
