เรากำลังจะไม่มีแซลมอนกิน? วิจัยเผยปลาแซลมอนเลี้ยงตายเป็นเบือทั่วโลกเพราะอากาศร้อน

8 มีนาคม 2567 - 08:32

mass-die-offs-among-farmed-salmon-on-the-rise-around-the-world-SPACEBAR-Hero.jpg
  • “ปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มจำนวน 865 ล้านตัวตายก่อนเวลาอันควรในช่วงเวลานี้…เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าความถี่ของการตายครั้งใหญ่ที่สุดเพิ่มขึ้นในนอร์เวย์ แคนาดา และสหราชอาณาจักร…”

  • “สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกำลังมีอิทธิพลต่อสภาวะนี้ แต่การพึ่งพาเทคโนโลยี เช่น กล้องใต้น้ำและ AI ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน”

การศึกษาใหม่เผยว่า “ปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มหลายร้อยล้านตัวตายจำนวนมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา…การเสียชีวิตในวงกว้างกำลังเกิดขึ้นบ่อยขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา…ทะเลที่อุ่นขึ้นและการพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นส่งผลให้ปลาตายเพิ่มขึ้น” 

การประเมินทั่วโลกนี้พิจารณาการตายของปลาแซลมอนในผู้ผลิตชั้นนำบางราย ซึ่งรวมถึงนอร์เวย์ สหราชอาณาจักร และแคนาดา 

การเลี้ยงปลาแซลมอนดำเนินมานานนับตั้งแต่ที่ปลาถูกนำมาเลี้ยงเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในกระชังในประเทศนอร์เวย์ช่วงทศวรรษ 1960 และอุตสาหกรรมได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันปลาแซลมอนประมาณ 70% ที่ทั่วโลกรับประทานกันนั้นก็มาจากฟาร์ม 

แต่อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นประเด็นถกเถียงกันมานานแล้ว โดยมีความกังวลเกี่ยวกับโรคของปลา การหนีไปสู่ธรรมชาติ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมจากการเลี้ยงในกระชัง 

เหตุการณ์การตายที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายอย่างกะทันหันของปลาแซลมอนหลายล้านตัว บางครั้งเกิดจากการระบาดของโรค แต่ยังเชื่อมโยงกับทะเลที่อุ่นขึ้นอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ในสกอตแลนด์เมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า “ปลาแซลมอนเสียชีวิตมากกว่า 17 ล้านตัว ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” โดยเจ้าของฟาร์มโทษว่าเป็นเพราะมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น ส่วนประเทศอื่นๆ ก็ประสบกับการตายของแซลมอนมากยิ่งขึ้นด้วยเหมือนกัน โดยนอร์เวย์บอกว่า “ แซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มเกือบ 17% ตายอย่างกะทันหันในปี 2023”

mass-die-offs-among-farmed-salmon-on-the-rise-around-the-world-SPACEBAR-Photo01.jpg

เพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการเสียชีวิตเหล่านี้ นักวิจัยจึงได้ศึกษาข้อมูลจากประเทศที่ผลิตปลาแซลมอนเลี้ยงถึง 92% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และพบว่า “ปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มจำนวน 865 ล้านตัวตายก่อนเวลาอันควรในช่วงเวลานี้…เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าความถี่ของการตายครั้งใหญ่ที่สุดเพิ่มขึ้นในนอร์เวย์ แคนาดา และสหราชอาณาจักร…ไม่เพียงแต่ความถี่ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่การตายยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” 

นักวิจัยประเมินถึงความสูญเสียสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์การตายจำนวนมากคือ ปลา 5.14 ล้านตัวในนอร์เวย์ 5.05 ล้านตัวในแคนาดา และมากกว่าหนึ่งล้านตัวในสหราชอาณาจักร “สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นกำลังมีอิทธิพลต่อสภาวะนี้ แต่การพึ่งพาเทคโนโลยี เช่น กล้องใต้น้ำและ AI ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน” นักวิจัยเขียน 

“สภาพแวดล้อมในมหาสมุทรที่แปรปรวนมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจหมายความว่าสถานที่ผลิตปลาจำนวนมากขึ้นจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้บ่อยขึ้น…แนวทางปฏิบัติด้านการผลิตและเทคโนโลยีที่ผลักดันการผลิตไปสู่สภาวะที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และช่วยให้สามารถผลิตได้มากขึ้นในแต่ละพื้นที่ อาจทำให้ประชากรปลาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตกอยู่ในสภาวะที่ทำให้ตายได้” ดร. เจอรัลด์ ซิงห์ จากมหาวิทยาลัยวิกตอเรียในแคนาดา นักวิจัยหลักของการศึกษานี้กล่าว 

ขณะเดียวกัน นักรณรงค์ต่อต้านการเลี้ยงปลาแซลมอนก็บอกว่า “การศึกษาใหม่นี้น่าตกใจ และเน้นย้ำความจริงที่ว่าการตัดสินใจของมนุษย์และมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นกำลังมีบทบาทที่ทำให้ปลาตกอยู่ในความเสี่ยง…การตายเป็นเพียงหนึ่งในข้อกังวลด้านสวัสดิภาพที่สำคัญสำหรับปลาแซลมอนเลี้ยง…พวกมันติดโรคและมีเหาทะเล ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการจัดการและการรักษาที่ตึงเครียด ประกอบกับการใช้ชีวิตที่จำเจในกระชังที่แออัด” เคิร์สตี้ เจนกินส์ เจ้าหน้าที่นโยบายของกลุ่มรณรงค์ ‘OneKind’ กล่าว 

ผู้เชี่ยวชาญบางคนสงสัยว่าอุตสาหกรรมเลี้ยงแซลมอนจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ แม้ความถี่ของการตายจะเพิ่มขึ้นในศูนย์การผลิตหลักๆ เป็นจำนวนมาก 

ดร.ซิงห์เชื่อว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะดำเนินต่อไปทั่วโลก แต่การสูญเสียจำนวนมากพร้อมกับต้นทุนการทำความสะอาดมหาศาลอาจคุกคามการดำเนินงานในอนาคตในชุมชนหลายแห่ง “เหตุการณ์เหล่านี้อาจมีผลกระทบในท้องถิ่นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงสวัสดิภาพของชุมชนชายฝั่งและสำหรับคนงาน”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์