หลังจากทีมกู้ภัยเมียนมาเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากปรักหักพังมานานกว่า 6 วัน พวกเขาก็พบผู้รอดชีวิต 2 คนอย่างน่าอัศจรรย์ จุดประกายความหวังให้ผู้คนในเมียนมาอีกครั้ง ขณะที่รัฐบาลทหารประกาศหยุดยิงชั่วคราวกับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายค้านเพื่อการฟื้นฟูประเทศ
หน่วยกู้ภัยแห่งหนึ่งได้ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตในเมืองมัณฑะเลย์ ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว เมื่อวันพุธ (2 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเมียนมาและทีมกู้ภัยจีนได้ช่วยเหลือชายวัย 53 ปีหลังจากพบว่าเขาติดอยู่ในซากปรักหักพังของโรงแรมที่พังถล่มเป็นเวลานานถึง 125 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ชายวัย 40 ปีอีกคนหนึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากซากปรักหักพังในเมืองสะกายเมื่อวันพุธที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน วิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว CNN แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังใช้กล้องพิเศษค้นหาชายคนดังกล่าว
ตามรายงานของคณะรัฐบาลทหารระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,000 คน บาดเจ็บอีกหลายพันคน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากยังมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน และความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
องค์กรด้านมนุษยธรรมยังคงเน้นย้ำถึงความต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ แม้กระทั่งก่อนเกิดแผ่นดินไหว สงครามกลางเมืองที่ยาวนานถึง 4 ปีทำให้ผู้คนนับล้านไม่มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและการสื่อสารก็ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 22 เมษายน จะมีผลบังคับหรือไม่
ตามรายงานขององค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ระบุว่า อาคารประมาณ 500 หลังพังทลายลงมาทั้งหมด และอีก 800 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายท่ามกลางซากปรักหักพัง
เมื่อวันพฤหัสบดี (3 เม.ย.) นายพลมินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา (SAC) มีกำหนดกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติในที่ประชุมผู้นำระดับภูมิภาคที่กรุงเทพฯ
ตามคำแถลงของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (3 เม.ย.) ระบุว่า “ประชาชนเกือบ 20 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของเมียนมาต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมก่อนเกิดแผ่นดินไหว” นอกจากนี้ กูเตอร์เรสยังประกาศส่งผู้ประสานงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินของสหประชาชาติไปยังเมียนมา ขณะที่ทูตพิเศษประจำเมียนมาจะเดินทางถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นของสหประชาชาติต่อสันติภาพและความพยายามด้านมนุษยธรรม
เนื่องจากฤดูมรสุมกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว สหประชาชาติได้เตือนว่าวิกฤตดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง
(Photo by Sai Aung MAIN / AFP)