กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่และสื่อท้องถิ่น รายงานว่า กองทัพเมียนมาสั่งโจมตีทางอากาศและทิ้งระเบิดทางเรือต่อกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะบนเกาะที่เป็นที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน
การปะทะที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วสั่นสะเทือนไปทั้งรัฐยะไข่ หลังจากที่กองทัพอาระกัน (AA) เปิดฉากโจมตีกองกำลังความมั่นคง ถือเป็นการสิ้นสุดการพักรบที่เกิดขึ้นตั้งแต่กองทัพเมียนมาเข้ายึดอำนาจในการทำรัฐประหารในปี 2021
การโจมตีในรัฐทางตะวันตกเปิดแนวรบอีกแนวหนึ่งให้กับกองทัพ ขณะที่กองทัพกำลังต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรที่เรียกว่า ‘พันธมิตรสามภราดรภาพ’ ของนักรบชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ซึ่งรวมถึงกลุ่ม AA ทางตอนเหนือของประเทศ
กลุ่มติดอาวุธระบุบนเทลเลแกรมเมื่อวันอังคาร (19 ธ.ค.) ที่ผ่านมา เรือของกองทัพลำหนึ่งได้ทิ้งระเบิดโจมตีเมืองแรมรี บนเกาะแรมรี
ระหว่างการสู้รบกับกลุ่ม AA ในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ (18 ธ.ค.) กองกำลังทหารสั่งโจมตีทางอากาศและการยิงจากเรือรบ
สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงในเมืองแรมรี
กลุ่ม AA กล่าวว่าได้ยึดอุปกรณ์ทางทหาร หลังจากการปะทะเมื่อวันจันทร์ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เกาะแรมรี เป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน ซึ่งหากการก่อสร้างเสร็จสิ้นจะกลายเป็นประตูของจีน สู่มหาสมุทรอินเดีย
ท่าเรือดังกล่าวซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเจ้าผิวก์ อยู่ห่างจากเมืองแรมรีไปประมาณ 50 กม. ถือเป็นจุดศูนย์กลางของโครงการเศรษฐกิจจีน-เมียนมา (CMEC) ซึ่งเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์จากโครงการแถบและเส้นทาง (BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับโลกที่รัฐบาลจีนจะชวนประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ และการลงทุนซึ่งครอบคลุม 68 ประเทศทั่วโลก
การก่อสร้างท่าเรือและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ใกล้เคียงต้องหยุดชะงัก ท่ามกลางความไม่สงบที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่
การปะทะกันระหว่างกลุ่ม AA และกองทัพ สร้างความเสียหายให้กับภูมิภาคในปี 2019 และในปี 2017 กองทัพได้เปิดฉากการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาที่ปัจจุบันตกเป็นคดีอยู่ในศาลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหประชาชาติ (UN)
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ทางการได้สั่งห้ามเรือประมงและเรือขนส่งทั้งหมดออกจากน่านน้ำรอบเจ้าผิวก์ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่ม AA ระบุว่าได้ยึกฐานทัพทหาร 3 แห่งในรัฐชิน ที่อยู่ใกล้ชายแดนบังกลาเทศ
สหประชาชาติ ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่า มีประชาชนมากกว่า 110,000 คน ที่ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากการปะทะกันในรัฐชีนและรัฐยะไข่
กลุ่ม AA ต่อสู้เพื่อเอกราชของชนชาติพันธุ์ยะไข่ บริเวณใกล้ชายแดนบังกลาเทศมานานหลายปี
การปะทะกันระหว่างกลุ่ม AA และกองทัพในปี 2019 ทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 200,000 คนทั่วรัฐยะไข่ ซึ่งมีประชากรรวมกว่าหนึ่งล้านคน
Photo by CHAIDEER MAHYUDDIN / AFP