ผู้เชี่ยวชาญเตือนเหตุกราดยิงรัสเซียจะทำให้ทุกอย่าง ‘เลวร้าย’ กว่าเดิมอีก

25 มีนาคม 2567 - 06:20

much-worse-grim-theory-after-deadly-russia-attack-SPACEBAR-Hero.jpg
  • “ปูตินอาจใช้การโจมตีนองเลือดครั้งนี้ เพื่อระดมกำลังทำสงคราม และทำให้สิ่งต่างๆ ‘เลวร้ายยิ่งกว่านั้นมาก’ สำหรับชาวรัสเซีย”

  • “รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วย ‘ความรุนแรงขั้นสุด’”

หลังจากเกิดเหตุน่าสลดใจกราดยิงใจกลางรัสเซียในงานแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีร็อค ‘ปิคนิค’ (Picnic) ที่โครคัสซิตี้ฮอล์ (Crocus City Hall) กรุงมอสโกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 140 รายและบาดเจ็บกว่า 145 ราย โดยมือปืน 11 คนถูกจับกุมแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง ‘ผู้ก่อการร้าย’ 4 คนจากการโจมตี โดยกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเค (ISIS-K) ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว 

ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ประณาม ‘อาชญากร’ เหล่านี้ว่า “เลือดเย็นและจงใจที่จะสังหาร ยิงพลเมืองของเราและลูกๆ ของเราในระยะเผาขน”  

ขณะที่เซอร์เกย์ รัดเชนโก นักประวัติศาสตร์และศาสตราจารย์ของวิทยาลัยระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูงในสังกัดมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์เตือนว่า “ปูตินอาจใช้การโจมตีนองเลือดครั้งนี้ เพื่อระดมกำลังทำสงคราม และทำให้สิ่งต่างๆ ‘เลวร้ายยิ่งกว่านั้นมาก’ สำหรับชาวรัสเซีย” 

“การก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามที่ชาวรัสเซียคุ้นเคย และปูตินก็เคยใช้ความกลัวการก่อการร้ายอย่างฉวยโอกาสเพื่อรวบรวมอำนาจของเขาให้แข็งแกร่ง (นั่นเป็นมุมมองที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยอมรับทฤษฎีสมคบคิดเพื่อที่จะชี้ประเด็นนี้)…ปูตินมีเป้าหมาย ‘ชัดเจน’ ทั้งการปราบปรามมากขึ้นและการระดมพลสงคราม…สำหรับจุดอ่อนอันโชคร้ายของการเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของรัสเซีย พูดตามตรง แนวโน้มได้ชี้ไปในทิศทางนี้มานานแล้ว” ดร.รัดเชนโกโพสต์บน X 

นอกจากนี้ แมทธิว ซัสเซ็กซ์ ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียและรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ยังเตือนด้วยว่าา “รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วย ‘ความรุนแรงขั้นสุด’” 

ศาสตราจารย์ซัสเซ็กซ์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC โดยอ้างถึงผลพวงของการล้อมโรงละครที่กรุงมอสโกในปี 2002 และการปิดล้อมโรงเรียนเบสลานในปี 2004 เป็นตัวอย่าง “บางทีอาจจะไม่สำคัญนักว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุโจมตี แต่สำคัญที่ว่ารัฐบาลรัสเซียตัดสินใจประณาม ‘ใคร’ และ ‘ใคร’ คือกลุ่มคนที่พวกเขาจะตอบโต้” ศาสตราจารย์ซัสเซ็กซ์กล่าว 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า “ISIS-K กลุ่มรัฐอิสลามของแคว้นโคราซาน ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ISIS) ในภูมิภาคเอเชียกลางได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีดังกล่าวผ่านทางช่อง Telegram ของตัวเอง” 

ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า “ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่ายูเครนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว” 

ตามข้อมูลของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า “ผู้ต้องสงสัยมือปืน 4 คนที่ถูกจับกุม ‘ไม่ใช่’ พลเมืองรัสเซีย พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ”  

ปูตินกล่าวถึงการโจมตีอันน่าสลดใจในการปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อวันเสาร์ (23 มี.ค.) และให้คำมั่นว่าจะลงโทษผู้มีส่วนรับผิดชอบ 

“พวกเขาพยายามซ่อนตัวและมุ่งหน้าไปทางยูเครน…ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร ใครก็ตามที่ชี้นำพวกเขา ผมขอย้ำ เราจะลงโทษทุกคนที่สนับสนุนผู้ก่อการร้าย สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการป้องกันไม่ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการนองเลือดนี้ก่ออาชญากรรมครั้งใหม่” ปูตินกล่าว 

คำเตือนของสหรัฐฯ ก่อนการโจมตี

ตามรายงานของ CBS ระบุว่า “เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่ามีข้อมูลมากมายที่ย้อนไปถึงเดือนพฤศจิกายน เกี่ยวกับ ISIS ที่ต้องการโจมตีในรัสเซีย”  

7 มีนาคม 2024 หน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB) กล่าวว่าได้ป้องกันการโจมตีสุเหร่ายิวแห่งหนึ่งในมอสโกซึ่งวางแผนโดยกลุ่ม ISIS 

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมอสโกได้ออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัย หลังจากได้รับรายงานว่า “กลุ่มหัวรุนแรงมีแผนในเร็ววันนี้ที่จะมุ่งเป้าไปที่การชุมนุมใหญ่ในมอสโก รวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตด้วย” ในขณะนั้น พลเมืองสหรัฐฯ ได้รับคำแนะนำให้ ‘หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันจำนวนมากๆ ในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า’ 

เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ แชร์ข้อมูลนี้กับทางการรัสเซียตามนโยบาย ‘หน้าที่ต้องเตือน’ ซึ่งมีมายาวนาน” 

แต่ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ปูตินเพิกเฉยต่อคำเตือนและกล่าวหาชาติตะวันตกว่าสร้าง ‘ถ้อยคำยั่วยุ’ 

“ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นการขู่กรรโชกอย่างเห็นได้ชัด และเป็นความพยายามที่จะข่มขู่ ทำลายเสถียรภาพประเทศของเรา” ปูตินกล่าว

much-worse-grim-theory-after-deadly-russia-attack-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: Photo by Olga MALTSEVA / AFP

มิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัสเซียกล่าวเบื้องต้นว่า มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 115 รายหลังการโจมตี รวมถึงเด็ก 5 คน โดยเหยื่อ 60 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส 

วิตาลี พยานคนหนึ่งเล่าว่าเขาอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ที่ระเบียงชั้นหนึ่ง “เราได้ยินเสียงปืน เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนแรก จากนั้นผมก็เห็นผู้ก่อการร้ายยิงคน พวกเขาขว้างระเบิดขวด ทุกอย่างเริ่มลุกไหม้ เราถูกพาออกไปที่ทางออก แต่ประตูทางออกถูกล็อค เราจึงต้องไปหลบที่ชั้นใต้ดินของฮอลล์เพื่อรอการช่วยเหลือ” 

พยานอีกรายหนึ่งเล่าว่า “มีความกดดันร้ายแรงในขณะที่ผู้คนพยายามหลบหนี และกำลังปีนป่ายเพื่อออกจากอาคาร” 

ขณะที่ เซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก เป็นคนแรกที่ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตใน ‘โศกนาฏกรรมอันเลวร้าย’ นี้ “ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต” เขากล่าว 

Photo by STRINGER / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์