ผู้บัญชาการอาวุโสกลุ่มกบฏเมียนมากล่าวว่า “นักรบต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในรัฐชินของเมียนมาตั้งเป้าเข้าควบคุมส่วนหนึ่งของตะเข็บชายแดนที่ติดกับอินเดีย หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการยึดฐานทัพทหาร 2 แห่งบนชายแดนภูเขาอันห่างไกล”
“กลุ่มกบฏต่อสู้กับทหารเมียนมาตั้งแต่เช้าจรดค่ำในวันจันทร์ (13 พ.ย.) ที่ผ่านมาเพื่อยึดค่าย 2 แห่งที่ติดกับรัฐมิโซรัมของอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบุกรุกที่ขยายวงกว้างต่อรัฐบาลเผด็จการทหาร” ซุย คาร์ รองประธานแนวร่วมชาติชิน (CNF) กล่าว
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพเมียนมาและกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียไม่ตอบสนองต่อเรื่องดังกล่าวในทันที
นายพลของเมียนมากำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2021หลังจากกองกำลังชนกลุ่มน้อย 3 กลุ่มเปิดฉากรุกร่วมกันเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนยึดเมืองและฐานทัพทหารบางแห่งได้
การรุกดังกล่าวซึ่งกลุ่มกบฏตั้งชื่อว่าเป็น ‘ปฏิบัติการ 1027’ เริ่มแรกรุกเข้าไปในพื้นที่ควบคุมของทหารบริเวณชายแดนติดจีนในรัฐฉาน ซึ่งทำให้ทางการทหารสูญเสียการควบคุมเมืองหลายแห่ง รวมถึงด่านรักษาความปลอดภัยกว่า 100 แห่ง
“เรากำลังโจมตีต่อไปในตอนเหนือของรัฐฉาน” เคียว แนง โฆษกกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกล่าว
ทว่าการสู้รบยังคงปะทุขึ้นในสองแนวรบใหม่ช่วงสัปดาห์นี้ในรัฐยะไข่และรัฐชินทางตะวันตก ซึ่งทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องหลบหนีไปยังรัฐมิโซรัม
“กลุ่มกบฏประมาณ 80 คนได้โจมตีค่ายทหารริห์ข่อดาร์ (Rihkhawdar) และคอว์มาวี (Khawmawi) ในรัฐชินเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อวันจันทร์ (13 พ.ย.) ที่ผ่านมา และในที่สุดก็เข้าควบคุมด่านหน้าทั้งสองหลังหลังจากการสู้รบหลายชั่วโมง” ซุย คาร์ กล่าว
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ลามัลซอว์มา นามเตเผยว่า “หลังจากการสู้รบ ทหารเมียนมา 43 นายได้มอบตัวต่อตำรวจอินเดียและพักพิงอยู่ในมิโซรัม ไม่ว่าพวกเขาจะถูกส่งตัวกลับหรือไม่ เรากำลังรอคำแนะนำเพิ่มเติมจากรัฐบาลกลาง”
ซุย คาร์ และองค์กรสิทธิมนุษยชนชินกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าทหารเหล่านี้บางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับการสังหารโหดพลเรือน “ขณะนี้กลุ่มกบฏชินพยายามรวมการควบคุมของตนตามแนวชายแดนอินเดีย-เมียนมา ซึ่งกองทัพเมียนมามีค่ายอีก 2 แห่ง…เราจะก้าวไปข้างหน้า กลยุทธ์ของเราคือจากหมู่บ้านสู่เมืองสู่เมืองหลวง” ซุย คาร์ กล่าว
ทั้งนี้ กบฏชินได้รับการสนับสนุนจากคนท้องถิ่นในรัฐมิโซรัม ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ที่ใกล้ชิด และผู้คนหลายหมื่นคนจากเมียนมาไปแสวงหาที่พักพิงในรัฐเล็กๆ ของอินเดีย
Photo by AFP
