NASA ออกมายืนยันว่า วงแหวนของดาวเสาร์กำลังจะหายไป และในปี 2025 วงแหวนดังกล่าวจะไม่สามารถมองเห็นได้จากโลก (อย่างน้อยก็ชั่วคราว)
ตามข้อมูลของ NASA ระบุว่า ระบบวงแหวนของดาวเสาร์ขยายออกไปไกลถึง 175,000 ไมล์จากพื้นผิวดาวเคราะห์ จึงทำให้ผู้ดูดาวบนโลกมองเห็นได้ชัดเจน แต่ถึงกระนั้นในปี 2025 วงแหวนขนาดใหญ่อาจดูเหมือนหายไปจนแทบจะมองไม่เห็นเนื่องจากการเอียงของดาวก๊าซยักษ์ภายในวงโคจรของมัน
แม้ว่าโครงสร้างของดาวเสาร์จะมีความกว้างมาก แต่ความสูงในแนวดิ่งของวงแหวนโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 30 ฟุต ซึ่งหมายความว่าทุกๆ 15 ปีโลกจะเห็นดาวเสาร์บนระนาบแนวนอนที่สมบูรณ์แบบ โดยความเอียงปัจจุบันทำมุมลดลงที่ 9 องศา จนลดลงเหลือ 3.7 องศา ซึ่งนั่นทำให้วงแหวนดังกล่าวแทบมองไม่เห็นเลยภายในปี 2024 จึงอาจรู้สึกเหมือนว่าพวกมันได้หายไปแล้ว
ตามรายงานขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) ระบุว่า
ครั้งล่าสุดที่เหตุการณ์ทางดาราศาสตร์นี้เกิดขึ้นเรียกว่า ‘Equinox’ (วิษุวัต / ช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของดาวเสาร์พอดี) ของดาวเสาร์ นั่นคือในเดือนกันยายน 2009 และคาดว่า ‘Equinox’ ถัดไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2025
ปรากฏการณ์นี้จะคงอยู่จนถึงปี 2032 โดยเราจะมองเห็นวงแหวนได้อีกครั้งเมื่อวงโคจรดาวเสาร์เอียงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้นักดาราศาสตร์บนโลกสามารถมองเห็นขั้วโลกใต้ของมันได้
แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า
วงแหวนกำลังสลายตัวในอัตราที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตื่นตระหนก วงแหวนของดาวเสาร์อาจหายไปตลอดกาลในเวลาเพียง 300 ล้านปีซึ่งเป็นการเคลื่อนตัวของเวลาในจักรวาล
“เรายังคงพยายามหาคำตอบว่าวงแหวนเหล่านั้นสึกกร่อนเร็วแค่ไหน แต่ขณะนี้ผลการวิจัยระบุว่าวงแหวนดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของดาวเสาร์ไปอีก 200-300 ล้านปีเท่านั้น…นี่อาจฟังดูเหมือนเป็นเวลานาน แต่ในประวัติศาสตร์ของจักรวาล นี่เป็นการตายที่ค่อนข้างรวดเร็ว…เราอาจโชคดีมากที่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่วงแหวนมีอยู่จริง” ดร. เจมส์ โอโดโนฮิว อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ NASA กล่าวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
Photo by HO / NASA / AFP