ตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ผู้คนทั่วโลกมักเห็นภาพ ‘คิมจูเอ’ บุตรสาวของผู้นำ ‘คิมจองอึน’ ซึ่งเชื่อว่ามีอายุประมาณ 10 ขวบ ยืนเคียงข้างพ่อในวาระสำคัญต่างๆ รวมทั้งการเปิดตัวขีปนาวุธยักษ์ ฮวาซอง-17 การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป และการซ้อมโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์หลายต่อหลายครั้ง ท่ามกลางการตั้งคำถามจากเหล่านักวิเคราะห์ว่า บุตรสาวคนนี้เป็นผู้ที่ผู้นำเกาหลีเหนือวางตัวไว้เป็นทายาทที่จะสืบทอดความเป็นผู้นำประเทศให้ใช่หรือไม่ หลังจากที่เขาพยายามปลูกฝังแนวคิดแบบสังคมปิดให้แก่เธอที่มีอายุเพียงแค่ 10 ขวบ
ไมเคิล แมดเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากสถาบันสติมสัน เซ็นเตอร์ มีความเห็นว่า ช่วงเวลาที่ผู้นำคิมและบุตรสาวเยี่ยมชมสถานที่ปล่อยขีปนาวุธและทำกิจกรรมทางทหารต่างๆ คือการปลูกฝังให้เด็กหญิงผู้นี้รับรู้ว่าขีปนาวุธเป็นสิ่งรับรองการดำรงอยู่ของระบอบการปกครองของตระกูลคิม ที่สืบทอดยาวนานมาสามชั่วอายุคน
แมดเดน ยังบอกด้วยว่า “จูเอเติบโตขึ้นมาโดยมองสิ่งต่างๆ เป็นสีขาวดำแทนที่จะเป็นสีเทา รวมทั้งทัศนคติที่ว่า เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นศัตรูที่ยาวนานว่า 70 ปี แทบทุกงานที่จูเอเข้าร่วมล้วนเกี่ยวข้องกับการทหาร ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเธอกำลังถูกรวมอยู่ในบริบทของกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ”
นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า การที่คิมจูเอเข้าร่วมในพิธีการต่างๆ ทางทหาร แสดงให้เห็นว่าเธออาจกำลังถูกล้างสมองไม่ต่างจากประชาชนเกาหลีเหนือคนอื่นๆ
ส่วน เคน กอส ผอ.ฝ่ายกิจการต่างประเทศจากซีเอ็นเอ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ผู้นำคิมเลี้ยงบุตรสาวให้เติบโตขึ้นมาเป็นสมาชิกระดับสูงของรัฐบาลกรุงเปียงยาง หรืออาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อจากเขา ซึ่งสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคือความเด็ดขาดและยิ่งรู้จักประชาธิปไตยและโลกภายนอกน้อยเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น
ไมเคิล แมดเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากสถาบันสติมสัน เซ็นเตอร์ มีความเห็นว่า ช่วงเวลาที่ผู้นำคิมและบุตรสาวเยี่ยมชมสถานที่ปล่อยขีปนาวุธและทำกิจกรรมทางทหารต่างๆ คือการปลูกฝังให้เด็กหญิงผู้นี้รับรู้ว่าขีปนาวุธเป็นสิ่งรับรองการดำรงอยู่ของระบอบการปกครองของตระกูลคิม ที่สืบทอดยาวนานมาสามชั่วอายุคน
แมดเดน ยังบอกด้วยว่า “จูเอเติบโตขึ้นมาโดยมองสิ่งต่างๆ เป็นสีขาวดำแทนที่จะเป็นสีเทา รวมทั้งทัศนคติที่ว่า เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เป็นศัตรูที่ยาวนานว่า 70 ปี แทบทุกงานที่จูเอเข้าร่วมล้วนเกี่ยวข้องกับการทหาร ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเธอกำลังถูกรวมอยู่ในบริบทของกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ”
นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า การที่คิมจูเอเข้าร่วมในพิธีการต่างๆ ทางทหาร แสดงให้เห็นว่าเธออาจกำลังถูกล้างสมองไม่ต่างจากประชาชนเกาหลีเหนือคนอื่นๆ
ส่วน เคน กอส ผอ.ฝ่ายกิจการต่างประเทศจากซีเอ็นเอ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ผู้นำคิมเลี้ยงบุตรสาวให้เติบโตขึ้นมาเป็นสมาชิกระดับสูงของรัฐบาลกรุงเปียงยาง หรืออาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำต่อจากเขา ซึ่งสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคือความเด็ดขาดและยิ่งรู้จักประชาธิปไตยและโลกภายนอกน้อยเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น
รายงานปี 2022 ขององค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ระบุว่า เกาหลีเหนือถูกจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่กดขี่ประชาชนมากที่สุดในโลก รวมถึงการปฏิเสธเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน เช่น เสรีภาพในการรับข้อมูลข่าวสารภายนอก และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
Fyodor Tertitskiy นักประวัติศาสตร์ และนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ ที่อยู่ในกรุงโซล และเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “North Korea before Kim Il Sung” เชื่อว่า การเปิดตัวคิมจูเอถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารไปยังกลุ่มต่างๆ กลุ่มแรกคือประชาคมโลก และอีกกลุ่มคือประชาชนชาวเกาหลีเหนือ
ช่วงเวลาการปรากฏตัวของบุตรสาวคนนี้รวมทั้งสถานที่ที่เธอปรากฏตัวยังถูกมองหรือถูกตีความเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะการเดินกุมมือพ่อของเธอตลอดเวลาในการชมการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนพ.ย.
“สารหลักที่เกาหลีเหนือต้องการสื่อออกมาคือเธอเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจเพราะเธอปรากฏตัวครั้งแรกใกล้ขีปนาวุธและขีปนาวุธก็อาจเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญหรือใหญ่ที่สุดของกองทัพเกาหลีเหนือ” Tertitskiy กล่าว พร้อมเสริมว่า "เกาหลีเหนือต้องการแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีเสถียรภาพมากแค่ไหน ไม่มีใครโจมตีพวกเขาได้เพราะพวกเขามีขีปนาวุธเหล่านี้ และระบบของเขาจะดำรงอยู่ไปจนถึงคนรุ่นต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไปนั้น มีขั้นตอนดังนี้ นับแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1948 เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การปกครองของสมาชิกตระกูลคิมตลอดมา แม้ผู้นำคนใหม่จะต้องผ่านการรับรองจากสภาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสภาตรายางของพรรคแรงงานแห่งเกาหลี และสมาชิกพรรค แต่ในทางปฏิบัติการสืบทอดอำนาจมักมีการตัดสินใจมาแล้วล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
คิมจองอิลที่ปกครองประเทศตั้งแต่ปี 1994 หลังการอสัญกรรมของ คิมอิลซุง บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ก็วางเรื่องราวที่ยกสถานะของคนตระกูลคิมให้เป็นเหมือนสมมุติเทพของเกาหลีเหนือไว้แล้ว โดยตำนานที่เขาสร้างขึ้นระบุว่า คนตระกูลคิมเป็นตัวแทนอันยิ่งใหญ่ของภูเขาแพ็กตู ซึ่งเชื่อว่าเป็นภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมเกาหลี ถือเป็นการวางสถานะให้เชื่อว่าสมาชิกตระกูลคิมเกิดมาเพื่อปกครองประเทศ
คิมจองอึนมีครอบครัวที่เพิ่งสร้างขึ้นมา และสาธารณชนยังไม่เคยได้เห็นหน้าลูกคนใดของเขา ทั้งยังดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการวางตัวลูกคนใดให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง หรือเป็นเรื่องเป็นราว และว่ากันตามจริงแล้ว ชาวเกาหลีเหนือยังไม่รู้ชื่อลูกๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำ
การที่ยังไม่มีผู้ใดได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ ถ้าหากคิมจากไปอย่างกะทันหัน ก็อาจทำให้เกิดภาวะสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งอาจเป็นการยากที่จะหาบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาแทนได้ เพราะฉะนั้น การเปิดตัวบุตรสาวคนนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ถูกที่ ถูกเวลาที่สุดแล้ว เพราะการปรากฏตัวของเธอมาในช่วงเวลาที่ผู้คนในประเทศรู้สึกไม่พอใจที่ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขแต่ผู้นำประเทศกลับมีเงินมากมายมหาศาลไปพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธที่มีพิสัยการยิงระยะต่างๆ
Fyodor Tertitskiy นักประวัติศาสตร์ และนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ ที่อยู่ในกรุงโซล และเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “North Korea before Kim Il Sung” เชื่อว่า การเปิดตัวคิมจูเอถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารไปยังกลุ่มต่างๆ กลุ่มแรกคือประชาคมโลก และอีกกลุ่มคือประชาชนชาวเกาหลีเหนือ
ช่วงเวลาการปรากฏตัวของบุตรสาวคนนี้รวมทั้งสถานที่ที่เธอปรากฏตัวยังถูกมองหรือถูกตีความเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะการเดินกุมมือพ่อของเธอตลอดเวลาในการชมการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนพ.ย.
“สารหลักที่เกาหลีเหนือต้องการสื่อออกมาคือเธอเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจเพราะเธอปรากฏตัวครั้งแรกใกล้ขีปนาวุธและขีปนาวุธก็อาจเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญหรือใหญ่ที่สุดของกองทัพเกาหลีเหนือ” Tertitskiy กล่าว พร้อมเสริมว่า "เกาหลีเหนือต้องการแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีเสถียรภาพมากแค่ไหน ไม่มีใครโจมตีพวกเขาได้เพราะพวกเขามีขีปนาวุธเหล่านี้ และระบบของเขาจะดำรงอยู่ไปจนถึงคนรุ่นต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไปนั้น มีขั้นตอนดังนี้ นับแต่ก่อตั้งประเทศในปี 1948 เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การปกครองของสมาชิกตระกูลคิมตลอดมา แม้ผู้นำคนใหม่จะต้องผ่านการรับรองจากสภาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสภาตรายางของพรรคแรงงานแห่งเกาหลี และสมาชิกพรรค แต่ในทางปฏิบัติการสืบทอดอำนาจมักมีการตัดสินใจมาแล้วล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
คิมจองอิลที่ปกครองประเทศตั้งแต่ปี 1994 หลังการอสัญกรรมของ คิมอิลซุง บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ก็วางเรื่องราวที่ยกสถานะของคนตระกูลคิมให้เป็นเหมือนสมมุติเทพของเกาหลีเหนือไว้แล้ว โดยตำนานที่เขาสร้างขึ้นระบุว่า คนตระกูลคิมเป็นตัวแทนอันยิ่งใหญ่ของภูเขาแพ็กตู ซึ่งเชื่อว่าเป็นภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมเกาหลี ถือเป็นการวางสถานะให้เชื่อว่าสมาชิกตระกูลคิมเกิดมาเพื่อปกครองประเทศ
คิมจองอึนมีครอบครัวที่เพิ่งสร้างขึ้นมา และสาธารณชนยังไม่เคยได้เห็นหน้าลูกคนใดของเขา ทั้งยังดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการวางตัวลูกคนใดให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจอย่างแท้จริง หรือเป็นเรื่องเป็นราว และว่ากันตามจริงแล้ว ชาวเกาหลีเหนือยังไม่รู้ชื่อลูกๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำ
การที่ยังไม่มีผู้ใดได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ ถ้าหากคิมจากไปอย่างกะทันหัน ก็อาจทำให้เกิดภาวะสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งอาจเป็นการยากที่จะหาบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาแทนได้ เพราะฉะนั้น การเปิดตัวบุตรสาวคนนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ถูกที่ ถูกเวลาที่สุดแล้ว เพราะการปรากฏตัวของเธอมาในช่วงเวลาที่ผู้คนในประเทศรู้สึกไม่พอใจที่ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขแต่ผู้นำประเทศกลับมีเงินมากมายมหาศาลไปพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธที่มีพิสัยการยิงระยะต่างๆ